เปิดโผ '10 หุ้นใหญ่'ต่างชาติเทขายหนักสุด

นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นไทยติดต่อกัน 15 วัน ส่งผลให้ยอดถือครองหุ้นไทยของ ต่างชาติลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พบส่วนใหญ่เทขายในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร บริษัทปตท.ขึ้นแท่นถูก NVDR ขายออกสูงสุด

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงค่อนข้างแรง สาเหตุส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่ขายออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ในเดือนมิ.ย.เดือนเดียว (1-22 มิ.ย.) นักลงทุน ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย45,191ล้านบาท ส่งผลทั้งปีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ หุ้นไทยไปแล้วกว่า 176,617 ล้านบาท

หากดูข้อมูลจากการซื้อขายใน ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย หรือ NVDR ซึ่ง จัดตั้งขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ ที่สนใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) แต่ไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์เพราะมีการควบคุมสัดส่วนการถือครอง หลักทรัพย์ของคนต่างด้าว ซึ่ง NVDR ถือเป็นเครื่องมือที่สะท้อนการลงทุน ของต่างชาติได้มากที่สุด ยังพบว่าตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ถึงปัจจุบันมียอดขายออกมาแล้วกว่า 10,511 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและ ธนาคาร

สำหรับหุ้นที่ NVDR เทขายออกมา มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

1. ปตท. (PTT) มียอดขายสุทธิ 1,915.78 ล้านบาท

2. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ขายสุทธิ 1,749.27 ล้านบาท

3. ซีพี ออลล์ (CPALL) ขายสุทธิ 1,141.52 ล้านบาท

4. ไทยออยล์ (TOP) ขายสุทธิ 1,079.13 ล้านบาท

5. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ขายสุทธิ 818.42 ล้านบาท

6. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ขายสุทธิ 698.94 ล้านบาท

7. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ขายสุทธิ 678.57 ล้านบาท

8. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ขายสุทธิ 678.11 ล้านบาท

9. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ขายสุทธิ 552.21 ล้านบาท และ

10. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ขายสุทธิ 545.02 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สถิติที่ผ่านมาพบว่าต่างชาติมีการเข้าซื้อขาย หุ้นไทยหลายรอบนับตั้งแต่ปี 2548 รอบล่าสุดคือตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559-2560 ซึ่งต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย ราว 1 แสนล้านบาท ขณะที่นับตั้งแต่ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว กว่า 1.75 แสนล้านบาท

สะท้อนได้ว่าเม็ดเงินที่ต่างชาติ ซื้อสะสมในรอบล่าสุดได้กลับออกไปหมดแล้ว และบางส่วนยังเป็นการ ขายหุ้นที่สะสมมาในอดีตอีกด้วย โดยปัจจุบันยอดถือครองหุ้นไทย ของนักลงทุนต่างชาติไม่นับรวม NVDR อยู่ที่ระดับ 23.2% ซึ่งถือว่าลดลง "ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์" นับตั้งแต่ เก็บเริ่มข้อมูลมาเมื่อปี 2545 และหากรวมกับการถือหุ้นทางอ้อมโดยผ่าน NVDR อีก 7.01% จะส่งผลให้ยอดถือครอง ของต่างชาติอยู่ที่ระดับ 30.21% เท่านั้น ยังเป็นระดับที่ต่ำสุดอยู่

สำหรับทิศทางกระแสเงินทุนของต่างชาติ เชื่อว่ายังมีโอกาสไหลออกอยู่ เพราะทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทย และของสหรัฐที่เริ่มมีส่วนต่างมากขึ้น หลังสหรัฐมีท่าทีปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ สวนทางกับดอกเบี้ยของไทยที่ยังทรงตัวอยู่ ประกอบกับความวิตกกังวลต่อสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐและหลายประเทศทั่วโลก ยิ่งผลักดันให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าไปในตราสารหนี้สหรัฐแทน

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่าเชื่อว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีอีก ไม่มากแล้ว จากการประเมินด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งบ่งชี้สอดคล้องกันว่าไม่น่าจะเกินกว่า ระดับ 90,000 ล้านบาท จึงไม่อยากให้ นักลงทุนกังวลกับแรงขายของนักลงทุน ต่างชาติมากนัก เนื่องจากช่วง 3-4 ปีมานี้ ต่างชาติขายสุทธิออกไปมากแล้ว โดย ปัจจุบันนักลงทุนที่มีบทบาทสำคัญกับ ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือนักลงทุนสถาบันในประเทศ

ทั้งนี้มองว่า เหตุผลหลักของการขาย นักลงทุนต่างชาติ เป็นการขายเพื่อลดน้ำหนัก การลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั้งหมด มากกว่าที่จะเป็นการขายเพราะปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับไทย เนื่องจากในระยะหลัง มีการออกกองทุนประเภท ETF หรือ Index Funds จำนวนมาก รวมถึงมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีการลงทุนโดยผ่านตัวแทนในต่างประเทศ จึงทำให้การลงทุนถูกกระจายตามประเภทสินทรัพย์แบบเปรียบเทียบกันทั้งโลก

ดังนั้น เวลามีการลดน้ำหนักการลงทุน จะเกิดแรงเทขายที่ค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็ว เพราะกองทุนประเภทนี้สามารถปรับพอร์ตได้ทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึงราคาหุ้น

นักวิเคราะห์ ฟ่นธงแรงขายต่างชาติเริ่มแผ่ว

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)กล่าวว่าประเมินแนวโน้มแรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติในช่วง ที่เหลือปีนี้ เชื่อว่ายังเป็นภาพของการไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอยู่ เนื่องจากแรงกดดันของส่วนต่าง ของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ยังสูงกว่าหลายประเทศรวมทั้ง ไทยที่ยังคงฉุดให้เม็ดเงิน ไหลออกไปยังตลาดพันธบัตร สหรัฐหลังจากช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 คาดว่าตลาดหุ้นไทย อาจยังได้รับผลกระทบจากการปรับพอร์ตหุ้นที่จะเข้าคำนวณ ในดัชนี MSCI ในกลุ่มประเทศ เกิดใหม่อีกรอบหนึ่งในช่วงเดือนส.ค. ซึ่งจะมีการเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนเข้ามาคำนวณในดัชนีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักการลงทุน ในหุ้นไทยที่ได้เข้าไปคำนวณในดัชนีฯ ดังกล่าวปรับตัวลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทิศทาง เม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ จะเป็นภาพของการไหลออกอยู่ แต่โดยรวมคาดว่าแรงขายหนักๆ แบบช่วงที่ผ่านมาน่าจะชะลอตัวลงเพราะก่อนหน้านี้ต่างชาติลดน้ำหนัก พอร์ตการลงทุนมาแรงพอสมควรแล้ว ขณะที่คาดว่าน่าจะเห็นส่วนต่าง ของดอกเบี้ยไทยและสหรัฐ ที่เริ่มแคบลง เพราะประเมินว่าคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับดอกเบี้ยนโยบาย ขึ้นได้ราว 1 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงแรงหนุนจากการฟื้นตัว บริโภคและแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของ ภาครัฐน่าจะเห็นผลออกมาและทำให้ ภาวะเศรษฐกิจไทยดีสดใสมากขึ้น นอกจากนี้ ท่ามกลางภาวะเงินทุนต่างชาติที่ยังเป็นภาพของ การไหลออกอยู่ แนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่เงินบาทอ่อนค่า

อาทิ กลุ่มที่เน้นการส่งออก เช่น กลุ่มอาหารและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกลุ่มที่ราคาหุ้นถือว่าปัจจุบันมีระดับไม่แพงแต่พื้นฐานค่อนข้างดีอย่างกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่า อาจจะได้ประโยชน์หากมีการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย "แม้ปัจจุบันเงินทุนต่างชาติจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่หากเทียบกับตลาดในภูมิภาคถือว่าเรายังน่าวิตกกังวลน้อยกว่า เพราะทิศทางค่าเงินบาทมีการ อ่อนค่าที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากเรายังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงอยู่ และเศรษฐกิจไทย พึ่งพาภาวะเศรษฐกิจในประเทศ สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อาทิ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ที่ยังพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งหากเจอภาวะเงินไหลออกมากๆ อาจเกิด ปัญหาเศรษฐกิจตามมาได้ โดยเชื่อว่า ปัจจุบันเรายังดูดีที่สุดในกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่"

Source: กรุงเทพธุรกิจ

เพิ่มเติม

- โบรกเกอร์มาร์เก็ตแชร์ 10 อันดับสูงสุดประจำวันที่ 25 มิ.ย. 2561 : https://www.ryt9.com/s/iq05/2847202

- ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 42,618 ล้านบาท: https://www.ryt9.com/s/iq05/2847193

- ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 12.70 จุด ตามต่างประเทศ วิตกสงครามการค้า-เงินทุนไหลออกต่อเนื่องกดดันตลาด: https://www.ryt9.com/s/iq05/2847185

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"