GENIUS Act จุดเริ่มต้นโครงสร้างคริปโตระดับโลก จุดประกายยุคใหม่ของ DeFi

สหรัฐฯ ปิดฉาก “Crypto Week” ด้วยความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์สินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากร่างกฎหมาย GENIUS Act ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรกว่า 300 เสียง รวมถึงสมาชิกพรรคเดโมแครตถึง 102 คน ถือเป็นกฎหมายกลางฉบับแรกของประเทศ

ที่กำหนดกรอบควบคุม Stablecoin อย่างเป็นระบบ เปิดทางให้โลกคริปโตเดินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงอย่างมีโครงสร้าง

ผู้เชี่ยวชาญชี้ “เป็นเพียงจุดเริ่มต้น”

Leo Fan ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Cysic ให้ความเห็นว่า การผ่าน GENIUS Act คือ “จุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดสิ้นสุด” โดยชี้ว่าสิ่งที่ยังขาดในอุตสาหกรรมคือ Blockchain ที่รองรับการขยายตัวได้ (Scalable Infrastructure), ระบบยืนยันตัวตนที่รวดเร็ว, และระบบดูแลสินทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อปูทางให้คริปโตเชื่อมต่อกับโลกการเงินจริง

Fan ยังระบุว่าการที่ GENIUS Act แยกความต่างระหว่างเหรียญดิจิทัลและหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน” ที่ช่วยให้นักพัฒนา นักลงทุน และสถาบันสามารถดำเนินกิจกรรมในสหรัฐฯ ได้อย่างมั่นใจ

สัญญาณชัด DeFi อยู่ต่อแน่นอน!

Altan Tutar ซีอีโอของ MoreMarkets กล่าวอย่างชัดเจนว่า “DeFi จะไม่หายไปไหน” พร้อมมองว่ากฎหมายนี้จะเปิดประตูให้ Stablecoin ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการนำสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่างทองคำหรือน้ำมัน มาแปลงเป็นโทเคนบน Blockchain เพื่อให้เข้าถึงและเทรดได้แบบไร้พรมแดน

อย่างไรก็ตาม Tutar เตือนว่า “ความชัดเจนทางกฎหมายจะเอื้อประโยชน์ให้สถาบันมากกว่านักลงทุนรายย่อย” จึงเรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งพัฒนา แอปพลิเคชัน, ระบบชำระเงิน, และ ช่องทางสร้างรายได้ สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงเกิดฟองสบู่ซ้ำรอยดอทคอม

ความน่าเชื่อถือคือกุญแจสำคัญ

Ryan Chow ซีอีโอ Solv Protocol มองว่าความสำคัญของ GENIUS Act อยู่ที่การ “สร้างรากฐานทางกฎหมาย” ที่ช่วยปลดล็อกความลังเลของสถาบันในการเข้าร่วมตลาดคริปโต โดยเฉพาะเมื่อสามารถแยกความต่างของคริปโตแบบกระจายศูนย์กับหลักทรัพย์แบบเดิมได้อย่างเป็นทางการ

“ความชัดเจนทางกฎหมายเป็นเรื่องจำเป็น แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดเดินต่อคือ ความน่าเชื่อถือ” Chow กล่าว พร้อมเสนอให้เร่งพัฒนาโซลูชันอย่าง Bitcoin-backed credit, tokenized treasury และผลิตภัณฑ์ที่ผูกกับสินทรัพย์จริง เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากภาคสถาบัน

มีกฎหมายไม่พอ ต้องมีโครงสร้างรองรับ

Will K ซีอีโอของ VOOI และผู้ร่วมก่อตั้ง Symbiosis.Finance เตือนว่า “การมีกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอ” พร้อมระบุว่าอุตสาหกรรมยังต้องมี โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน, ประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นมิตร, และ เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้คริปโตเป็นที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ

“หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ คริปโตจะยังคงเป็นเพียงเทคโนโลยีเฉพาะกลุ่ม และไม่สามารถกลายเป็นมาตรฐานทางการเงินระดับโลกได้” — Will K

ก้าวแรกของการปฏิรูปการเงินโลก

การผ่าน GENIUS Act ไม่เพียงเป็นหมุดหมายสำคัญของสหรัฐฯ แต่ยังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งระบบเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก ว่า “ยุคใหม่ของ DeFi และสินทรัพย์ดิจิทัลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” และแม้จะยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องพัฒนา แต่ก้าวแรกนี้ได้ปูพื้นฐานให้คริปโตมีที่ยืนในระบบเศรษฐกิจโลกอย่างแท้จริง

คลิก

Cr.cointelegraph

-----------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"