เทคโนโลยีควอนตัมรุกใกล้มากกว่าที่คิด นักวิจัยชี้ภัยคุกคามต่อการเข้ารหัสอาจมาถึงเร็วขึ้น 3–5 ปี Google สร้างแรงสั่นสะเทือนอีกครั้งในวงการเทคโนโลยีและความปลอดภัยไซเบอร์ หลัง เครก กิดนีย์ (Craig Gidney) นักวิจัยจากทีม Google Quantum AI เปิดเผยงานวิจัยล่าสุด
ที่ระบุว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจสามารถถอดรหัสระบบ RSA 2048-bit ได้ด้วยทรัพยากรน้อยลงกว่าเดิมถึง 20 เท่า ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานแพร่หลายในด้านความปลอดภัยของบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินคริปโต
ในปี 2019 ทีมวิจัยเคยประเมินว่า ต้องใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีถึง 20 ล้าน qubit และเวลาประมวลผลอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อถอดรหัสระบบนี้ แต่ข้อมูลใหม่ระบุว่า:
“เครื่องควอนตัมที่มี ไม่ถึง 1 ล้าน qubit ก็อาจสามารถถอดรหัสได้ภายในไม่ถึง 1 สัปดาห์”
แม้เทคโนโลยีในปัจจุบันยังห่างไกลจากตัวเลขนั้น—โดย IBM Condor ที่ถือเป็นควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกยังมีเพียง 1,121 qubit—แต่ความก้าวหน้าใน อัลกอริทึมและการจัดการข้อผิดพลาด (error correction) กลับทำให้ภัยคุกคามจากควอนตัมใกล้เข้ามาเร็วกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดไว้
หัวใจของการพัฒนา: อัลกอริทึมใหม่และ Magic State Cultivation
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการปรับปรุงอัลกอริทึมในการคำนวณ modular exponentiation ซึ่งเป็นแกนหลักของระบบเข้ารหัส RSA ร่วมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาใหญ่ของควอนตัมคอมพิวเตอร์
อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญคือ “magic state cultivation” ซึ่งช่วยให้สร้าง qubit ที่มีคุณภาพสูงขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น และลดการใช้ทรัพยากรอย่างมีนัยสำคัญ
แล้ว Bitcoin จะได้รับผลกระทบอย่างไร?
แม้ Bitcoin จะใช้ระบบเข้ารหัสแบบ elliptic curve cryptography (ECC) ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าแข็งแรงกว่าระบบ RSA แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่อัลกอริทึม Shor ของควอนตัมสามารถเจาะได้ในทางทฤษฎี
การที่ Google คาดการณ์ว่าใช้ qubit ไม่ถึงล้านในการถอดรหัส RSA อาจส่งผลให้ “เส้นเวลาสำหรับการเจาะระบบของ Bitcoin สั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ” โดยเฉพาะในยุคที่พลังการคำนวณสามารถขยายตัวแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล
Project 11 ทดลองจริง พร้อมตั้งรางวัล
เพื่อวัดระดับความเสี่ยง กลุ่มนักวิจัยที่ใช้ชื่อว่า Project 11 ได้ประกาศรางวัลรวมกว่า $85,000 ให้แก่ผู้ที่สามารถใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์เจาะระบบของ Bitcoin (แม้จะเป็นเวอร์ชันจำลองขนาดเล็ก) โดยเริ่มจากคีย์ขนาด 1 ถึง 25 บิต เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าถึงระดับ 256 บิตในอนาคต
รัฐบาลสหรัฐฯ และภาคเอกชนเร่งปรับตัว
Google ระบุว่าได้เริ่มใช้งาน มาตรฐาน ML-KEM ซึ่งเป็นหนึ่งใน การเข้ารหัสยุคหลังควอนตัม (Post-Quantum Cryptography) ที่ได้รับรองโดย NIST ในการเข้ารหัสข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมถึงการเข้ารหัสทราฟฟิกบน เบราว์เซอร์ Chrome
NIST เองแนะนำให้หน่วยงานรัฐและเอกชนเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานใหม่ ก่อนปี 2030 แต่การค้นพบของ Google ครั้งนี้อาจเร่งให้แผนนี้ต้องดำเนินเร็วขึ้นอีกหลายปี
ในขณะเดียวกัน IBM ตั้งเป้าสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ระดับ 100,000 qubit ภายในปี 2033 และบริษัท Quantinuum วางแผนเปิดใช้ระบบควอนตัมแบบ fault-tolerant ภายในปี 2029
โลกคริปโตเริ่มขยับ
-
Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เสนอแนวคิด hard fork เพื่อเปลี่ยนระบบให้ต้านทานควอนตัมได้
-
Solana พัฒนา “Quantum-resistant vault” ที่ใช้ระบบลายเซ็นแบบ hash-based
แม้ยังไม่มีใครสามารถ “แฮก Bitcoin ด้วยควอนตัม” ได้ในตอนนี้ แต่ด้วยความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยีล่าสุด หลายฝ่ายเริ่มเชื่อว่า การป้องกันล่วงหน้าอาจไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่คือความจำเป็น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
Cr.decrypt
-----------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo