BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 11.6 ล้านล้านดอลลาร์ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Strategy เป็น 5% ตามเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์

 หลังการลงทุนดังกล่าว ราคาหุ้นของ Strategy (ชื่อเดิมคือ MicroStrategy) พุ่งขึ้นกว่า 2.8% ในช่วงพรีมาร์เก็ต มาอยู่ที่ 325 ดอลลาร์ต่อหุ้น ณ เวลา 12:25 น. UTC ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตามข้อมูลจาก Google Finance

Strategy ถือเป็นบริษัทเอกชนที่ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยมี 471,107 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 48 พันล้านดอลลาร์

การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของ BlackRock ในบริษัทของ Saylor เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจาก MicroStrategy รีแบรนด์เป็น “Strategy” และเปิดตัวแคมเปญการตลาดที่มีธีมเกี่ยวกับ Bitcoin

แม้ Strategy จะขาดทุนสุทธิ 670 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 แต่บริษัทยังคงดำเนินแผน “21/21 Plan” ซึ่งมีเป้าหมายระดมทุน 42 พันล้านดอลลาร์ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยแบ่งการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้เพื่อนำไปซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม

ปัจจุบัน Strategy ได้ระดมทุนไปแล้ว 20 พันล้านดอลลาร์จากเป้าหมาย 42 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีการออกหุ้นกู้แปลงสภาพและตราสารหนี้

ในส่วนของ BlackRock กองทุน Bitcoin ETF ของบริษัทกลายเป็นกองทุน ETF อันดับที่ 31 ของโลกเมื่อวันที่ 31 มกราคม โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ VettaFi

BlackRock ถือครอง Bitcoin ETF มูลค่ากว่า 55.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 48.7% ของสินทรัพย์รวมของตลาด Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ตามข้อมูลจาก Dune

การลงทุนใน ETF มีบทบาทสำคัญต่อการพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์ในปี 2024 โดยคิดเป็น 75% ของกระแสเงินลงทุนใหม่ที่ไหลเข้าสู่ตลาด ซึ่งช่วยให้ Bitcoin ทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ น้อยกว่าหนึ่งเดือนหลังการเปิดตัว ETF