เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 1 มีนาคม 2018 “ทรัมป์” ผู้นำอีแร้งได้ออกประกาศต่อสื่อว่าจะมีการขึ้นกำแพงภาษีด้านอุตสาหกรรมเหล็กที่นำเข้า เพิ่มขึ้นเป็น 25% และอลูมิเนียมเพิ่มเป็น 10% ในสัปดาห์หน้านี้ โดยอ้างว่าต้องการ “การค้าที่เสรี ยุติธรรมและฉลาด”
ของอุตสาหกรรมเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาอเมริกาถูกเอาเปรียบมาตลอด ทันที่ที่ข่าวนี้ออกมา ทำให้ตลาดหุ้นของอเมริกาแตกตื่นตกกันหนักในวันนั้น นักลงทุนเทขายกันมากทั้งหุ้นของ Caterpillar และ Boeing , และตามมาด้วยในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม ในตลาดหุ้นของเอเชียทั้งนิเคอิของญี่ปุ่นที่ตก 2.4% , ขณะที่ตลาดฮ่องกงและเกาหลีใต้ตก 1.6% และตลาด ASX200 ของซิดนี่ย์ ออสเตรเลียก็ตกที่ 1%
World stock markets have tumbled after Donald Trump said the United States would impose tariffs of 25% on steel imports and 10% on imported aluminum next week.
ขณะที่หุ้นของผู้ผลิตเหล็กของเกาหลีใต้ อย่าง Posco ก็หุ้นตก 3% และ Nippon Steel ของญี่ปุ่น ก็ตก 4%.
ทั้งหมดนั้นมาจากนโยบายของทรัมป์ในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีก่อน ที่บอกว่าจะปกป้องอุตสาหกรรมของประเทศ และเหล็กอลูมิเนียมก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงเกิดการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าขึ้นมาในที่สุด ที่เป็นดั่งการประกาศ “สงครามการค้า” กับประเทศเหล่านั้น โดยมีหนึ่งในเป้าใหญ่อยู่ที่ “จีน” และในวันที่ทรัมป์ประกาศว่าจะออกมาตรการด้านภาษีปกป้องเรื่องอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมนั้น เขาได้ประกาศต่อหน้าผู้บริหารระดับสูงของผู้ผลิตเหล่านั้นที่ถูกเชิญมาเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในทำเนียบขาวด้วย และเขาบอกว่าที่ผ่านมาของทศวรรษที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้ของอเมริกาถูกเอาเปรียบตลอดมา รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเช่น โรงงานผลิตรถยนต์ก็ต้องย้ายฐานไปที่เม็กซิโกแทน แถมแหน็บแหนมป้าย่นด้วยว่า ขณะที่ผู้บริหารที่ผ่านมา ( หมายถึงน้าโอบาม่า ) ก็ไม่สนใจจะแก้ไขช่วยเหลืออะไร
ข่าวนี้ทำให้บริษัทผู้ผลิตเหล็กของอเมริกา หุ้นขึ้นกันเป็นทิวแถว อย่าง AK Steel Holding ขึ้นไป 2.8%, US Steel Corp ขึ้นไป 2.3% และ Nucor rose ขึ้นมา 1%. แต่ที่ตรงข้ามคือหุ้นของโบอิ้งกลับตกลง ( ที่เกี่ยวข้องกับการต้องนำเข้าเหล็กบางส่วนจากต่างประเทศ ทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้นกำไรเลยน้อยลง หุ้นเลยตก )
แต่นักวิเคราะห์บอกว่าอาจจะเป็นหอกที่กลับมาแทงอเมริกาเองก็ได้ เพราะว่าเมื่อเหล็กนำเข้าสูงจะทำให้อุตสาหกรรมที่แปรรูปจากเหล็กที่ต้องนำเข้า จะสูงขึ้นทำให้ราคาสินค้าของอเมริกาแพงขึ้นได้ และจะกลายเป็นล้มเหลวในการหวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ อาจกลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไปก็ได้ รวมทั้งอุตสาหกรรมผลิตอาวุธสงครามและเรื่องความมั่นคงของประเทศอเมริกา ก็ต้องโดนผลกระทบไปด้วย เพราะว่าเหล็กในการผลิตรถถังและเรือรบนั้นก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ , หรือ อุตสาหกรรมมากมายในอเมริกา เช่น อะไหล่รถยนต์ อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องจักรทางการเกษตร และอุปกรณ์ทางอุตสาหกรรมน้ำมัน ก็จะโดนกระทบไปด้วย และคนงานในอุตสาหกรรมกลุ่มเหล่านี้มีประมาณ 2 ล้านคน
The administration says duties would protect US industry, but critics say they would raise costs for industry and fail to deliver on a campaign pledge to boost domestic jobs.
The administration has also cited national security interests for its action, saying the US needs domestic supply for its tanks and warships. The Department of Defense has recommended targeted steel tariffs and a delay in aluminum duties.
“จีน” นั้นแม้ส่งออกเหล็กมาที่ “อเมริกา” แค่ 2% ของทั้งหมดที่นำเข้า แม้ไม่มากนักแต่ก็กำลังจะขยายตัวใหญ่ขึ้นทั่วโลกอย่างช้าๆ และจีนนี่เองจะกำลังทำให้ปริมาณการผลิตเหล็กทั่วโลกมากขึ้น และจะทำให้ราคาเหล็กในตลาดโลกลดต่ำลงเรื่อยๆ แต่ถ้าอเมริกาขึ้นภาษีดังกล่าว จะทำให้ผู้บริโภคเหล็กของตัวเองต้องซื้อและนำเข้าในราคาแพงกว่าในตลาดโลกที่กำลังจะต่ำลง
ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ ได้ออกมาเตือนว่า การสร้างกำแพงภาษีครั้งนี้ของทรัมป์มีแน้วโน้มที่จะทำลายเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศของอเมริกาและบริวารเพื่อนมิตรคู่ค้าประเทศอื่นๆด้วย ทั้งในส่วนภาคการผลิตและภาคการก่อสร้างด้วย
"The import restrictions announced by the US President (Donald Trump) are likely to cause damage not only outside the US, but also to the US economy itself, including to its manufacturing and construction sectors, which are major users of aluminium and steel," the IMF said in a terse statement.
“จีน” นั้นก็กำลังพิจารณาว่าอาจจะหาทางมาตรการตอบโต้เอาคืน เช่น อาจจะขึ้นกำแพงภาษีของสินค้าโภคภัณท์อื่นๆ ทางการเกษตร เช่น ถั่วเหลืองจากอเมริกา ที่อีแร้งเป็นผู้ผลิตส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นับตั้งแต่ที่ทรัมป์ได้บริหารประเทศ เขาได้พยายามจะทำสงครามการค้าและสกัดการค้าของจีน รวมทั้งการพยายามสกัดกั้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านทางบริษัทต่างๆของอเมริกาไปให้จีนด้วย รวมทั้งการพยายามกดดันประเทศในอียู ยุโรป พยายามให้ออกกฎหมายในการทำให้การซื้อกิจการ หรือควบรวมบริษัทในยุโรปกับประเทศจีนยากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะสกัดการถ่ายเทเทคโนโลยีดังกล่าวทำได้ยากขึ้นด้วย
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman