แบงก์ชาติ ตอบ 8 ข้อสงสัย ปม “เงินหายจากบัญชี” สาเหตุจากอะไร?

แบงก์ชาติ ตอบ 8 คำถาม สาเหตุ-การป้องกัน ปม “เงินหายจากบัญชี” และธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติ วันที่ 19 ตุลาคม 2564 จากกรณีที่ผู้ใช้บริการธนาคาร พบการตัดเงินผิดปกติ และธุรกรรมผิดปกติจำนวน 1.07 หมื่นใบ มูลค่าความเสียหายรวม 130 ล้านบาท ล่าสุด

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตอบข้อสงสัย 8 ข้อ ถึงกรณีดังกล่าว ทั้งสาเหตุ และการป้องกัน ตรวจสอบของผู้ใช้งาน
เงินหาย 130 ล้าน กระทบหมื่นบัญชี ธปท.-สมาคมแบงก์เร่งแก้ปัญหา
1) สาเหตุกรณีนี้เกิดจากอะไร ใช่การ hack ระบบ หรือข้อมูลรั่วไหลจากระบบธนาคารพาณิชย์ หรือไม่
โดยปกติ จะมีมิจฉาชีพสวมรอยทำธุรกรรมอยู่แล้ว ผ่านข้อมูลที่อาจจะรั่วไหลจากร้านค้าออนไลน์ที่มีระบบความปลอดภัยไม่ดีพอ หรือการทุจริตของพนักงานร้านค้า ซึ่งหากพบ ผู้ใช้บัตรสามารถร้องเรียนผู้ให้บริการได้ ซึ่งผู้ให้บริการบัตรส่วนใหญ่จะมีการคุ้มครองผู้ใช้บัตรอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยังไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด ระบบยังมีความมั่นคงปลอดภัยดี
กรณีที่เกิดขึ้นในระยะหลัง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม สาเหตุสำคัญเกิดจากมิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรเดบิต คือ หมายเลขบัตรและวันหมดอายุ แล้วนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP) หรือกลไกที่เพิ่มความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น การถามชื่อหรือรหัสไปรษณีย์ของผู้ถือบัตร หรือรหัสหลังบัตร (CVV/CVC)
รายการส่วนใหญ่มีจำนวนเงินที่ต่ำ และใช้เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง
2) ทำไมไม่มีการส่ง OTP ก่อนตัดเงินแม้จะจำนวนน้อย ควรให้มีส่ง OTP ทุกครั้ง
โดยปกติ ธุรกรรม online ระบบจะกำหนดให้มีการยืนยันตัวตนการทำธุรกรรม เช่น ใส่ SMS-OTP
บางร้านค้าจะยกเว้นการใส่ OTP ในกรณีที่เป็นจำนวนเงินน้อย ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ ซึ่งกรณีนี้หากเกิดความเสียหายขึ้น ร้านค้าเหล่านั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหาย โดยธนาคารจะเป็นผู้ประสานงานแทนลูกค้าหลังได้รับแจ้ง
3) เหตุใดระบบของธนาคารจึงไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติดังกล่าว เช่น ความถี่ในการถูกปฏิเสธธุรกรรมของมิจฉาชีพได้ ทำไมต้องรอจนเป็นข่าวแล้ว จึงค่อยมีการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ
ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติอยู่แล้ว โดยแต่ละธนาคารจะตั้งค่าระบบตรวจจับ ได้แก่ การกำหนดเพดาน และเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าแตกต่างกันไป
ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดครั้งนี้จึงเป็นแบบเฉพาะแห่ง ไม่ได้เกิดกับทุกธนาคาร ธนาคารที่ตั้งเกณฑ์การตรวจจับไว้ไม่เข้มอาจจะมีธุรกรรมเหล่านี้หลุดมาได้
ทั้งนี้ ธนาคารแต่ละแห่งได้ยกระดับการติดตามและเฝ้าระวังรายการต้องสงสัยหรือเข้าข่ายผิดปกติอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
4) เกิดขึ้นกับทุกธนาคารหรือไม่ และเกิดกับบัญชีแบบไหนบ้าง
จากข้อมูลล่าสุด ถึงวันที่ 18 ต.ค. 64 พบว่า การสวมรอยผ่านการสุ่มหมายเลขบัตรไม่ได้เกิดกับทุกธนาคาร และรายการที่ผิดปกติมาจากทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต (รวมถึงบัตร ATM ที่ทำหน้าที่เป็นบัตรเดบิตได้ด้วย)
ส่วนการสวมรอยทำธุรกรรมในรูปแบบอื่นที่มีมาต่อเนื่อง ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ที่มีกรณีทุจริตลักษณะนี้อยู่แล้ว และพบได้กับบัตรของทุกธนาคาร
5) กลุ่มมิจฉาชีพเป็นใคร ธปท. และสมาคมฯ จะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้
ขณะนี้ทาง สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุเชิงลึกอย่างเร่งด่วน รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6) ธปท. และสมาคมธนาคารไทย มีแนวทางแก้ไขสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และป้องกันเรื่องนี้ในอนาคตอย่างไร
ระยะเร่งด่วน
1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS
3. ธนาคารยกระดับการตรวจสอบและคืนเงินให้กับลูกค้า หากตรวจพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
a. กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ
b. กรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ระยะปานกลาง
4. ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa MasterCard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์
7) นอกจากมาตรการของ ธปท. และธนาคารต่าง ๆ แล้ว ประชาชนจะร่วมตรวจสอบ หรือป้องกันตัวเองได้อย่างไร ทั้งกับการสุ่มข้อมูลบัตรและการสวมรอยในรูปแบบอื่น ๆ
หมั่นตรวจสอบรายการธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบสิ่งผิดปกติรีบโทรแจ้งเลขตามเบอร์ติดต่อหลังบัตร
ระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตและบัตรเครดิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับร้านค้า เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน
สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร
😎 กรณีที่ไม่มีบัตรเดบิต แต่ถูกเอาเงินออกจากบัญชีไป กรณีนี้เกิดขึ้นจากอะไร
ต้องทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ยังไม่พบกรณีไม่มีบัตร และถูกเอาเงินไป
อนึ่ง ผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบ อาจลองตรวจสอบเบื้องต้นว่าบัตร ATM ของตนเป็นบัตรเดบิตด้วยหรือไม่ โดยสามารถสังเกตจากการมีสัญลักษณ์ของ Visa หรือ MasterCard หรือคำว่า DEBIT อยู่ หากเป็นบัตรเดบิต ก็อาจเกิดจากการสุ่มเลขที่ได้อธิบายไปก่อนหน้าได้
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"