GOLD หรือ SDR หรือ DOLLAR ทางออกที่ยากยิ่ง

ทรัมป์ท่าดีแต่ทีเลว!! ช่วงที่เขาหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์แย้มว่าเขาเห็นจุดอ่อนของระบบดอลล่าร์ปัจจุบันที่สร้างหนี้ให้สหรัฐมากจนเกินไป เนื่องจากว่าสหรัฐสามารถพิมพ์เงินได้ไม่อั้น จึงไม่มีวินัยการเงินการคลัง

ถ้าหากว่า มีการเอาระบบมาตรฐานทองคำมาใช้ จะช่วยทำให้ดอลล่าร์มีเสถียรภาพ และจะช่วยรักษาความน่าเชื่อถือของดอลล่าร์ต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสนับสนุนนโยบายที่จะตรวจสอบบัญชีธนาคารกลางสหรัฐ ที่ไม่เคยตรวจสอบจากสภาคอสเกรส หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเลย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐถูกอังกฤษคุม

แต่หลังจากได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว ทรัมป์ไม่เห็นพูดถึงเรื่องมาตรฐานทองคำอีกต่อไป ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม

ย้อนกลับไปในปี 2015 ระหว่างการหาเสียงการเลือกตั้งล่วงหน้าที่รัฐนิวแฮมเชอร์ ทรั้มป์ให้สัมภาษณ์สื่อ WMUR-TV ที่ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะกลับไปสู่มาตรฐานทองคำ

โดยทรัมป์ตอบว่า: "ในบางแง่ ผมชอบมาตรฐานทองคำ มันมีสิ่งที่ดีอยู่ แต่เราต้องกลับไปหามาตรฐานทองคำในช่วงจังหวะเวลาที่ถูกต้อง เราเคยเป็นประเทศที่มั่นคง เพราะว่าเราอิงการเงินของเรากับมาตรฐานทองคำ แต่ตอนนี้เราไม่มีระบบนี้อีกแล้ว มันยากที่จะทำเรื่องนี้ในเวลานี้ และหนึ่งในปัญหานั้นก็คือเราไม่มีทองคำอีก ส่วนประเทศอื่นๆมีทอง"

ไม่รู้เหมือนกันว่า มีใครแอบให้ข้อมูลทรัมป์ว่าสหรัฐไม่มีทองคำสำรองเหลืออยู่เลย ที่ประกาศว่ามีอยู่ 8,133.5 ตันอาจจะเป็นตะกั่วฉาบสีทองก็ได้ ทรั้มป์น่าจะรู้ดีแล้วว่า ทองคำสำรองของสหรัฐที่เก็บรักษาที่ Fort Knox หรือทองของกระทรวงการคลังที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือประกาศให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ นอกจาก Fort Knoxแล้ว อีกที่หนึ่งที่ใช้เป็นที่เก็บทองคือชั้นใต้ดินของสำนักงานใหญ่ของ US Federal Reserve Bank สาขานิวยอร์ค

ทางGold World Councilมีการทำรายงานเกี่ยวกับทองคำสำรองของแต่ละประเทศทุกๆปี และล่าสุดมีการให้ตัวเลขว่า สหรัฐมีทองคำสำรองอยู่ 8,133.5 ตัน ตัวเลขนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว

มีความเป็นไปได้ที่ทองคำจำนวนนี้มีแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น โดยมีมือดีแอบฉกไปอย่างเงียบๆ เพราะว่าหลังจากที่สหรัฐยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำในปี 1971 ความสำคัญของทองในระบบการเงินมีน้อยลง โดยสหรัฐพยายามสร้างภาพว่า เงินดอลล่าร์กระดาษดีกว่าทอง เพราะว่าถือดอลล่าร์มีผลตอบแทน มีการจ่ายดอกเบี้ย ขณะที่ทองไม่ให้ผลตอบแทนอะไร

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีข้อตกลง Bretton Woods ทางการเงินที่ให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนเงินปอนด์ของอังกฤษ โดยที่ระบบการเงินโลกจะยังคงใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ โดยที่ดอลล่าร์อิงกับราคาทองที่ $35 ต่อออนซ์ ให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก โดยที่เงินสกุลอื่นๆมาผูกกับดอลล่าร์ เท่ากับผูกกับทองคำอีกต่อหนึ่ง อัตราแลกเปลี่ยนคงทีทำให้ไม่เกิดเงินเฟ้อมาก เพราะว่ารัฐบาลจะพิมพ์เงินในกรอบของสำรองทองคำ หรือดอลล่าร์ที่มีอยู่ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

แต่สหรัฐมีการก่อหนี้เกินตัว สงครามเวียดนามทำให้มีหนี้เพิ่มอย่างมาก ทำให้ในปี1971 ประธานาธิบดีนิกสันยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยดอลล่าร์ไม่องกับทองอีกต่อไป ใครมีดอลล่าร์มาแลกทองกับธนาคารกลางไม่ได้ ถือว่าสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ แต่เนื่องจากสหรัฐเป็นมหาอำนาจผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่2 จึงใช้แสนยานุภาพทางทหารบีบให้ทุกประเทศต้องยอมรับในมาตรฐานดอลล่าร์กระดาษต่อไป

ดอลล่าร์ไม่ได้ดีเหมือนทองอีกต่อไป แต่ยังคงรักษาความเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เพราะแสนยานุภาพทางทหาร ทุกประเทศก้มหน้าก้มตาใช้ดอลล่าร์จนในที่สุดต้องยอมรับโดยปริยาย บวกกับความเคยชินในระยะต่อมาทั้งๆที่รู้ว่าดอลล่าร์กระดาษพิมพ์ออกมาเปล่าๆกลางอากาศ เมื่อไม่มีระบบ Safety Cut หรือมาตรฐานทองคำที่คอยคุมวินัยการเงินการคลังสหรัฐมีการพิมพ์เงินมาก ผสมผสานกับเครดิตในระบบแบงก์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลาดเงินตลาดทุนของนิวยอร์คมีการพัฒนาทำให้ดอลล่าร์มีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลกโดยไม่มีใครโต้แย้ง หรือตั้งคำถาม ค่าเงินประเทศต่างๆที่ผูกกับดอลล่าร์ที่ลอยตัวไม่อิงกับทองก็แกว่งอย่างไม่มีเสถียรภาพไปด้วยในยุคดอลล่าร์กระดาษที่ไร้มาตรฐาน

แต่มาวันนี้ จีน รัสเซียและประเทศเกิดใหม่เริ่มตั้งคำถาม เพราะว่าไม่ต้องการให้สหรัฐเอาเปรียบอีกต่อไป สหรัฐพิมพ์ดอลล่าร์เปล่าๆเพื่อบริโภค แต่ประเทศอื่นๆต้องผลิตสินค้าขายของกว่าจะได้ดอลล่าร์มาครอบครอง พอพิมพ์มาก บริโภคมากหนี้ก็ท่วมหัว จนหนี้สาธารณะสหรัฐมาอยู่ที่ $20ล้านล้าน หรือ 100% ต่อจีดีพี รัฐบาลต้องสร้างหนี้เพิ่มอย่างน้อยปีละ $1ล้านล้าน เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจ หรือระบบการเงินเดินหน้าต่อไป

ทรั้มป์ตระหนักดีว่า ระบบดอลล่าร์ที่สร้างหนี้ไปเรื่อยๆอย่างนี้ สักวันต้องจบลงด้วยหายนะ เขาจึงมีการโยนหินถามทางเรื่องแนวคิดของการเอาระบบมาตรฐานทองคำกลับมาใช้เพื่อควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล

John D. Mueller เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์The Wall Street Journal ว่า ทรัมป์มีทางเลือก3ประการว่า จะเดินหน้าในการบริหารดอลล่าร์ หรือระบบการเงินโลกต่อไปอย่างไร?

วิธีการที่หนึ่ง คือซู้ซี้ใช้ดอลล่าร์กระดาษต่อไปเหมือนเดิมโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร โดยหวังว่าดอลล่าร์จะไปต่ออย่างนี้ได้เรื่อยๆ

วิธีการที่สอง ให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศทำหน้าที่พิมพ์เงินสกุลหลักของโลกให้ประเทศต่างๆถือเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ Special Drawing Rights แทนดอลล่าร์

แต่ปัญหาคือไอเอ็มเอฟเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่ได้ผลิตสินค้าอะไร และไม่ใช้ประเทศด้วยจะมาพิมพ์เงินให้ประเทศต่างๆใช้ได้อย่างไร ตอนนี้เงิน Special Drawing Rights หรือ SDR ใช้ตระกร้าเงินที่มีดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโร เยน และหยวน แม้กระนั้น SDR ยังมีความเป็นนามธรรมอยู่มาก ไม่รู้ว่าจะเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้อย่างไร ใครคุม SDR จะพิมพ์เงิน SDR มากหรือน้อย ใครจะเป็นคนสั่ง?

วิธีการที่สาม คือการกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ คือดอลล่าร์กับมีผูกค่าเงินกับทอง https://www.forbes.com/…/president-trump-replace-the-doll…/…

ทรั้มป์ก่อนเป็นประธานาธิบดีสนับสนุนมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) โดยที่ระบบการเงินจะอิงทอง ซึ่งจะทำหน้่าที่เป็นหน่วยของเงินตรา เงินกระดาษที่พิมพ์ออกมาจะต้องอิงหน่วยของเงินตรานั้น ซึ่งก็คือทองนั้นเอง

เมื่อประเทศต่างๆอิงดอลล่าร์ก็เท่ากับว่าอิงมาตรฐานทองโดยปริยาย อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆจะมีเสถียรภาพ ไม่แกว่งขึ้นลงอย่างรุนแรงเหมือนอย่างปัจจุบันภายใต้ระบบดอลล่าร์กระดาษที่ไม่มีมาตรฐานอะไรมารองรับเลย

แต่ปัญหาคือทรัมป์หลังจากที่เป็นประธานาธิบดีแล้ว เปลี่ยนเป็นคนละคน เคยพูดอะไรไป กลับคำยูเทิร์นหมด เพราะทรัมป์รู้ดีว่า ถ้าต้องกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ ดอลล่าร์จะต้องลดค่าลงอย่างมาก หนี้จะพุ่งกระฉุดจนรับไม่ไหว นอกจากนี้ไม่เห็นทรัมป์ขะให้มีการสอบบัญชีเฟด หรือธนาคารกลางสหรัฐ หรือให้มีการตรวจสอบทองคำสำรองที่Fort Knox เพราะรู้ดีว่าอาจจะพบว่าไม่มีทองเหลืออยู่อีกเลย เอาเข้่าจริงแล้ว ทรั้มป์เป็นคนป่าวประกาศเองว่า รัฐบาลสหรัฐเปรียบเหมือนจักรพรรดิที่ล้อนจ้อน ไม่ได้ทรงอาภรณ์อะไรเลย (The Emperor has no clothes)

thanong
6/5/2017

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"