สหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีคนรวย Wealth Tax หากสำเร็จ เจฟฟ์ เบโซส์ อาจต้องจ่ายถึงปีละ 5.7 พันล้านดอลลาร์

สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า หากสามารถผ่านมาตรการภาษี Ultra Millionaire Tax Act ที่ทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตส่วนหนึ่งพยายามผลัดกันให้สภาคองเกรสลงมติรับรอง จะส่งผลให้มหาเศรษฐีอันดับ 1

ของโลกผู้ก่อตั้ง Amazon อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง เจฟฟ์ เบโซส์ ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินภาษีสูงถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ทั้งนี้ ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า มาตรการภาษีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้า นำรายได้เข้ารัฐมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 โดยทางการจะเก็บภาษี 2% ต่อปีสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินเงินทองรวมมูลค่ามากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 3% สำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต หนึ่งในแกนนำที่เสนอและผลักดันมาตรการภาษีคนรวยครั้งนี้ กล่าวว่า ภาษีสูตรใหม่นี้จะมีผลกระทบต่อครอบครัวร่ำรวยชาวอเมริกัน 100,000 ครัวเรือน หรือคนชนชั้นบนสุดของสังคม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประชากรที่ 0.5% เท่านั้น และจะช่วยเพิ่มปริมาณเงินภาษีเข้าคลังราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้
วอร์เรนกล่าวอีกว่า จำนวนภาษีที่เพิ่มจะช่วยให้รัฐมีงบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อพัฒนาระบบการบริการดูแลเด็ก โครงสร้างขั้นพื้นฐานทางการศึกษา และพลังงานสะอาด
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ส่วนหนึ่งกลับแสดงความเห็นว่า มาตรการภาษีคนรวยอาจกลายเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงภาษีของเหล่ามหาเศรษฐีร้อยล้านและพันล้านเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วภูมิภาคยุโรป
กระนั้นวอร์เรนก็ยืนยันว่า สูตรภาษีดังกล่าวผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดี พร้อมจัดการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในยุโรป โดยภาษีคนรวยนี้จะมุ่งคำนวณทรัพย์สมบัติในสิทธิครอบครองทั้งหมดของคนคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น เงินทอง หรือที่ดิน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะโยกย้ายหลบเลี่ยงใดๆ และไม่เกี่ยงว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะอยู่บนแผ่นดินสหรัฐฯ หรือไม่ ตราบใดที่อยู่ภายใต้ชื่อกรรมสิทธิ์ของมหาเศรษฐี คนคนนั้นก็ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ เมื่อคำนวณตามสูตรภาษีใหม่ สถาบันด้านนโยบายศึกษา (Institute for Policy Studies) พบว่า เจฟฟ์ เบโซส์ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจะจ่ายภาษีในปี 2020 ที่ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยังมีสินทรัพย์สุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 185,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ Tesla ต้องจ่ายภาษีที่ 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ จ่าย 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จ่ายที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ชัค คอลลินส์ ผู้อำนวยการโครงการความเหลื่อมล้ำของสถาบันด้านนโยบายศึกษา กล่าวว่า ลำพังแค่เพียงการจัดเก็บภาษีจากมหาเศรษฐีพันล้านทั่วสหรัฐฯ จะมีงบฯ เพียงพอต่อ 3 ใน 4 ของแผนฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
Source: The Standard wealth

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-----------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"