ผลงานเด่น ของประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด "โดนัล ทรัมป์" คือสงครามการค้ากับจีน นับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความปั่นป่วน ในโลกการค้าและการลงทุนของโลกมา อย่างต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมนโยบาย อเมริกัน เฟิร์ส,การนำงานกลับประเทศ
และท่าทีไม่รับค้าเสรีทั้งแบบพหุภาคีและทวิภาคี อย่างความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(ทีพีพี) ที่สหรัฐเป็นทั้งผู้ริเริ่ม ในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และสหรัฐก็เป็นผู้ถอนตัวจากข้อตกลงฯ ในสมัยประธานาธิบดีคนถัดมา ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังเกิดขึ้นเป็นที่จับตาว่าใครจะเป็น ผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ หนึ่งในสองคือผู้ที่จะได้รับเลือกตั้ง ระหว่าง โจ ไบเดน หรือ โดนัล ทรัมป์ ซึ่งมีแนวนโยบายที่แตกต่างกัน และจะส่งผลต่อการค้าและการลงทุนของไทย ซึ่งมีสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ
อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงบทวิเคราะห์ "ผลกระทบการเลือกตั้งสหรัฐกับการปรับตัว ภาคการผลิตของไทย" ว่า หากประเมินจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่แม้จะเว้นวรรคจากโควิด-19ในขณะนี้ แต่ประเมินว่าสงครามการค้าจะไม่จบ ไปง่ายๆ ไม่ว่าใครจะได้รับการเลือกตั้ง
หากทรัมป์มาเป็นผู้นำสหรัฐ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายแต่จะมุ่งไปประเด็นการทำสงครามเทคโนโลยีกันมากขึ้น หลังจาก ที่การใช้กลยุทธ์ขึ้นภาษีสินค้าเกษตรทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ขณะที่หากไบเดนได้รับการเลือกตั้ง แม้จะทบทวนเรื่องสงครามการค้าแต่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าจะยกเลิก แต่ประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะมีท่าทีเป็นเชิงประนีประนอมพอจะทำการค้าร่วมกันได้
"สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการคือ เปิดเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างแต้มต่อและกลไกการค้าระหว่างกันไม่ให้ต้องได้รับผลกระทบ จากความผันผวนของนโยบายการค้า หรือ อย่างน้อยที่สุดควรใช้ช่องทาง กรอบความตกลงทางการค้าและการลงทุน" (Trade and Investment Framework Agreement หรือ TIFA)ที่มีอยู่มาเป็นประโยชน์ในเพื่อการค้าให้มากขึ้น"
ทั้งนี้ ประเด็นการค้าไทยและสหรัฐ จากนี้ จะมีการเรียกร้องซึ่งกันและกัน มากขึ้น เช่นกรณีสหรัฐต้องการเปิดตลาดหมู การเรียกร้องสิทธิแรงงาน แต่ไทยยังไม่ยินยอม จึงเกิดการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพี แต่เชื่อว่าประเด็นเหล่านี้จะ ไม่จบลงแค่การยกเลิกสิทธิฯเท่านั้น
นอกจากนี้ หากไบเดนขึ้นเป็น ผู้นำสหรัฐ ก็จะเป็นประโยชน์ในแง่ความต้องการของสหรัฐจะไปในทิศทางเดียวกันเทรนด์โลก คือ การใส่ใจสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทางเทคโนโลยีเพื่อการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า ซึ่งผู้ผลิตไทยต้องปรับตัว รับมือแม้จะทำให้ต้นทุนการค้าเพิ่มขึ้น แต่สามารถนำไปใช้กับตลาดส่งออกอื่นๆ ทั้งสหภาพยุโรป (อียู) ไทยสูงสุด 10% เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและจีนที่ให้ความสำคัญกับประเด็นการค้าต่างๆ เหล่านี้
"ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำสหรัฐแต่ต้อง ไม่ลืมว่าประเด็นทางการค้าและการลงทุนจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจสอดคล้องหรือไม่กับทิศทางโลก แต่การเปลี่ยนแปลงต้องมาพร้อมกับการปรับตัวซึ่งผู้ประกอบการไทยทั้งภาคการผลิต การค้า รวมไปถึงการลงทุนต้องเข้าใจความเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทัน"
กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)กล่าวว่า ทรัมป์จะเดินหน้าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนต่อเนื่อง ขณะที่ โจ ไบเดน จะเน้นเรื่องเจรจาการค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศ พันมิตร แต่ที่น่าจับตามมอง คือ การหนุนให้สหรัฐเข้าร่วมเป็นสมาชิกซีพีทีพีพี เพื่อให้สหรัฐเปิดตลาดการค้ามากขึ้น ซึ่งหากสหรัฐเข้ามาจริง การเข้าเป็นสมาชิก ซีพีทีพีพีของไทยอาจจะมีความยุ่งยากมากขึ้น
Source: กรุงเทพธุรกิจ
--------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you