"ช้อปดีมีคืน"เป็นโครงการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้ (12 ต.ค.63) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นโครงการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ที่จะใช้สิทธิต้องไม่ได้เป็นผู้ใช้สิทธิในโครงการ "คนละครึ่ง" หรือ บัตรสวัสดิการของรัฐ
ในส่วนสินค้าหรือค่าบริการ จะไม่รวม สุรา เบียร์ ไวน์, ยาสูบ, ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ, ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ, ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ที่อยู่ในรูแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต, ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวว่าด้วยกฎหมายนำเที่ยว หรือ มัคคุเทศน์, ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เพราะบางส่วนอยู่ในโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน
ทั้งนี้ ผู้มีรายได้จะต้องซื้อสินค้าหรือค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย และต้องได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
นายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนการซื้อสินค้าและค่าบริหารหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ที่อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ และสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว จะจ่ายให้กับผู้ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมูลค่าเพิ่มได้
จากฐานข้อมูลของผู้เสียภาษีรายได้บุคลลธรรมดา ปี 2561 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 3.7 ล้านคน จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 14,000 ล้านบาท แต่จะมีเม็ดเงินเข้ามาเพื่อให้เกิดกำลังซื้อได้ประมาณ 1.11 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2563 โดยคาดว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้นได้ 0.03%
Source: การเงินธนาคารออนไลน์
****************
เช็กเลย! ครม.คลอดเกณฑ์ "ช้อปดีมีคืน" หักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 3 หมื่น ผู้เข้าร่วม"คนละครึ่ง"หมดสิทธิ
โฆษกรัฐบาล แถลง ครม.ผ่านแล้วมาตรการช้อปดีมีคืน นำค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการไม่เกิน 30,000บาทหักลดหย่อยภาษี เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ประมาณ 111,000 ล้านบาท ดัน GDP ขยับขึ้น ร้อยละ 0.30
วันนี้ (12 ต.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ เห็นชอบหลักการ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและการอ่าน โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งผู้มีเงินได้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
หลักเกณฑ์ ดังนี้
1. -ผู้มีเงินได้ต้องไม่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
2. -ค่าสินค้าหรือค่าบริการ ไม่รวม 1) ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ 2) ค่ายาสูบ 3) ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ 4) ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 5) ค่าหนังสือพิมพ์และนิยตสารและค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 6) ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ 7) ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
3. -ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่ในส่วนค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบออินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชุนแล้ว
ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2561 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 3.7 ล้านคน ซึ่งรัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 14,000 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับว่า จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 111,000 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยให้ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 0.30 แม้จะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่วนหนึ่งจากการหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการของผู้มีเงินได้ แต่จะเป็นการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี และส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐในระยะยาวอีกด้วย
Source: ผู้จัดการออนไลน์
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you