รายงานของเจพีมอร์แกน เชส เมื่อต้นเดือนมีนาคมได้เตือนว่าตลาดน้ำมันอาจเข้าสู่ยอด “supercycle” ที่จะส่งผลให้น้ำมันดิบเบรนต์พุ่งสูงถึง 190 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2568หลายสัปดาห์ต่อมา การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ราคาน้ำมันล่มสลายกลายเป็นมหากาพย์
เมื่อดีมานด์หดหายอย่างรุนแรง แต่เจพีมอร์แกน เชส ก็ยังไม่ลดความเชื่อมั่นเช่นนั้นลงน้ำมันดิบเบรนต์ดิ่งลงต่ำสุดในรอบสองทศวรรษไปอยู่ที่ 15.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนเมษายน ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐติดลบเป็นครั้งแรกโดยลงไปถึง -40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสหรัฐ รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสามผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุด ได้ลดการผลิตตอบโต้ การลดซัพพลายเป็นจำนวนมากได้ช่วยต่อลมหายใจกลับมาให้ราคาน้ำมันได้แม้ว่าดีมานด์น้ำมันยังคงมีแรงกดดันอยู่ แต่เจพีมอร์แกนยังคงเชื่อมั่นว่า supercycle ของน้ำมันกำลังจะเกิดขึ้น ซัพพลายจำนวนมากได้ถูกนำออกไปจากตลาดและอุตสาหกรรมน้ำมันอาจมีปัญหาในการดึงดูดเงินทุนในอนาคต ครีสตีอัน มาเลค หัวหน้าฝ่ายวิจัยก๊าซและน้ำมันภาคพื้นยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกาของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า โอกาสที่น้ำมันจะไปถึง 100 ดอลลาร์ในขณะนี้สูงกว่าสามเดือนก่อน
หลายปีมาแล้วที่โลกมีน้ำมันมากกว่าความต้องการ และนั่นทำให้ถังเก็บน้ำมันเต็มจนนำไปสู่จุดที่น้ำมันดิบมีราคาติดลบในเดือนเมษายน ดังนั้นผู้ผลิตน้ำมันจึงลดการผลิต แต่ในขณะนี้ลูกตุ้มในอุตสาหกรรมน้ำมันอาจแกว่งไปในทิศทางตรงข้ามไกลเกินไป
รายงานของเจพีมอร์แกน ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ระบุว่า ตลาดน้ำมันที่โอเวอร์ซัพพลายจะพลิกไปเป็นขาดแคลนซัพพลายในเชิงพื้นฐานตั้งแต่ปี 2565 และสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากสุดคือ น้ำมันดิบเบรนต์จะขึ้นไปถึง 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพื่อกระตุ้นให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น
รายงานของเจพีมอร์แกน ไม่ได้ระบุเป้าหมายราคาในกรณีที่ราคาน้ำมันคึกคัก แต่มาเลคกล่าวว่า เจพี มอร์แกน ยังคงเชื่อมั่นตามรายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ราคาน้ำมันจะถึง 190 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
มาเลค คิดว่ามันยิ่งน่าจะไปได้มากขึ้นในขณะนี้ โดยชี้ว่า ดีมานด์และซัพพลายคาดว่าจะขาดดุลในปี 2565 และอาจขาดดุลสูงถึง 6.8 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2568 หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตอื่น ๆ ไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มอีกมาก
แน่นอนว่าในขณะนี้เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าราคาน้ำมันดิบจะเป็นเลขสามหลัก นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า แม้ราคาน้ำมันในสหรัฐจะฟื้นกลับมาจาก -40 ดอลลาร์เป็น 40 ดอลลาร์ในเวลาแค่ 7 สัปดาห์ ก็ถือว่ามากเกินไป
ผู้ป่วยโควิด-19 กำลังเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ของสหรัฐและลาตินอเมริกา ดีมานด์น้ำมันกำลังดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ใกล้ที่จะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาด และอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่อุตสาหกรรมสายการบินจะฟื้นตัวเต็มที่
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ออกมาเตือนว่า วิกฤติสุขภาพอาจมีผลกระทบอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ดีมานด์พลังงานลดลงอย่างยั่งยืน
บีพีลดประมาณการราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในช่วงสามทศวรรษข้างหน้าเหลือ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังกล่าวว่ามีแผนการที่จะลดมูลค่าสินทรัพย์ เช่น แหล่งน้ำมันและก๊าซที่ยังไม่ได้ใช้ เพิ่มเป็น 17,500 ล้านดอลลาร์
ประมาณการและการลดสินทรัพย์ของบีพีเป็นหนึ่งในพัฒนาการที่สร้างความเชื่อมั่นมากสุดให้มาเลค เนื่องจากว่าบริษัทน้ำมันต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษาการผลิตไว้ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มการผลิต หากพวกเขาไม่ทำอะไรเลย กำลังการผลิตจะลดลงตามธรรมชาติ
การให้แนวโน้มที่ซบเซาลงของบีพีชี้ว่าโครงการน้ำมันในระยะยาวจะยิ่งลดลงอีกซึ่งจะทำให้ซัพพลายต่ำต่อไปแม้ว่าดีมานด์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการชี้ว่าความเห็นของเจพีมอร์แกน มีประเด็น
การใช้จ่ายในอุตสาหกรรมน้ำมันอาจต่ำสุดในรอบ 15 ปี
รายงานของเจพี มอร์แกน ชี้ว่า ในช่วงปี 2558-2563 มีการอนุมัติโครงการน้ำมันใหม่มากกว่า 50 โครงการทั่วโลก แต่ประเมินว่า จะมีโครงการที่เริ่มทำได้เพียง 5 โครงการในช่วง 5 ปีข้างหน้า
บริษัทน้ำมันใหญ่ ๆ เช่น บีพี เชลล์ โตตาล และโคโนโคฟิลิปส์ ได้ชะลอการตัดสินใจลงทุนในขั้นสุดท้าย และรายงานของไรสแต็ด อีเนอร์จี้ คาดว่า การลงทุนในธุรกิจต้นน้ำทั่วโลกจะลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยมีมูลค่า 383,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 และการลดการใช้จ่ายเหล่านี้จะทำให้มีความท้าทายมากขึ้นที่จะรักษาการผลิตที่มีอยู่เอาไว้ได้และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของซัพพลายในระยะยาว
แน่นอนว่าซาอุดีอาระเบีย และรัสเซียมีอำนาจที่จะตอบโต้อย่างรวดเร็วต่อการขาดแคลนซัพพลาย ทั้งสองประเทศและสมาชิกอื่น ๆ ของโอเปกกำลังลดการผลิตอย่างตั้งใจเพื่อกำจัดซัพพลายที่มีอยู่มากเกินไป แต่ซาอุดีอาระเบียก็ต้องการให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นเพื่อทำให้งบประมาณสมดุล โดยจะถึงเบรกอีเวนต์ได้ที่ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
มาเลคจึงมองว่าผู้ผลิตน้ำมันจะไม่ทำให้น้ำมันท่วมตลาดเพราะว่านั่นอาจเปิดโอกาสให้สหรัฐกลับมาผลิตน้ำมันได้ นอกจากนี้ การผลิตของสหรัฐก็ได้ลดลงอย่างรุนแรง โดยจากข้อมูลของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ย้อนไปถึงปี 2530 จำนวนบ่อน้ำมันที่กำลังขุดเจาะลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของภาวะอากาศ
บริษัทขุดเจาะน้ำมันในชั้นหินไม่สามารถฝากความหวังกับกระแสเงินทุนในวอลล์สตรีทที่เคยมีอย่างไม่จำกัดได้ นักลงทุนกำลังเรียกร้องให้บริษัทขุดเจาะน้ำมันลดการใช้จ่ายหลังจากที่ผลาญเงินไปหลายปี และเงินทุนยังถูกยับยั้งเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศและการลงทุนที่รับผิดชอบทางสังคมได้เติบโตมากขึ้น นักลงทุนจำนวนมากขึ้นไม่ต้องการแตะหุ้นน้ำมัน
การพังทลายของราคา การโบยบินของเงินทุน และการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ อาจจำกัดความสามารถของอุตสาหกรรมน้ำมันที่จะดึงดูดเงินเมื่อมีความต้องการมากสุด และในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า มันยากเพียงไรที่จะประมาณการอนาคต
ในขณะที่ราคาน้ำมัน 190 ดอลลาร์อาจจะฟังดูไกลเกินเอื้อม แต่ราคาน้ำมัน-40 ดอลลาร์ ก็เป็นไปได้แล้วเช่นกัน
Source: ข่าวหุ้น
-$190 oil sounds crazy. But JPMorgan thinks it's possible, even after the pandemic :
------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you