ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับ Libra ว่า จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ Facebook กระโดดลงมาในวงการ Cryptocurrency ประเด็นเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของ Facebook ก็เป็นอีกประเด็นที่ควรต้องจับตามอง! อย่างกรณีที่บริษัท
Cambridge Analytica ได้เคยใช้ข้อมูล User จาก Facebook มาทำแคมเปญหาเสียงให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อให้เกิดข่าวอื้อฉาวว่า Facebook นั้นทำข้อมูลรั่วไหล แล้วมันจะเป็นอย่างไร หากมันเกิดขึ้นอีกกับผู้ใช้ Libra
Facebook จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
การที่ Calibra จะสามารถให้บริการในประเทศต่างๆนั้น ทางบริษัทจะต้องดำเนินนโยบาย AML (Anti-Money Laundering) และ KYC (Know-Your-Customer) ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องให้ ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด เลขประจำตัวประชาชนและข้อมูลอื่นๆที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องการ แปลว่า ผู้ใช้งานกำลังถูกขอให้ส่งชุดข้อมูลสุดท้ายที่ Facebook ขาดไป ถึงแม้ Facebook จะได้แจ้งว่า ของ Calibra และ Facebook จะเชื่อมเข้าหากันก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาต แต่ผู้ใช้งานก็จำเป็นจะต้องอนุญาตการเข้าถึงเพื่อที่จะสามารถเข้าถึงการบริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งข้อมูลทางสื่อ Social ที่ Facebook ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้มากว่า 10 ปีนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้ Facebook สามารถระบุตัวตนของเราอย่างชัดเจน แต่ถ้ามีข้อมูลทางการเงินมาร่วมด้วยจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ Facebook จะเข้าถึงประวัติการชำระเงินของเรา รวมไปถึงเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนต่าง ๆ
ข้อมูลทางการเงินของคุณจะถูกเชื่อมข้อมูลอื่นๆ
แม้ข้อมูลที่ Facebook ได้รับหรือที่ Calibra ได้รับอาจจะเป็นข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่อาจไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่ถ้ามันถูกรวมเข้ากับข้อมูลทั้งหลายที่สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งหลายๆบริษัท เช่น Mastercard, Uber และอื่น ๆจะทำให้การระบุตัวตนผู้ใช้งานนั้นเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะมีผู้คนที่คิดในแง่ดีว่า Facebook จะเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่สำหรับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่าง Facebook นั้นข้อมูลเหล่านี้อาจสร้างรายได้เป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ ในการระบุได้ว่า ผู้บริโภคกลุ่มใดที่ผู้โฆษณาจะสามารถทำกำไรได้ ก็จะทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีมูลค่ามากขึ้นแก่ผู้ลงโฆษณา
การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลจะเพิ่มมากขึ้น
เหตุการณ์ Cambridge Analytica เป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์ที่ข้อมูลรั่วไหล ทุกวันนี้การโจรกรรมทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องปกติมหาวิทยาลัย Maryland ค้นพบว่าทุกๆ 39 วินาทีจะมีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นปัญหาคือ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าโดยปกติระบบที่มีตัวกลางตัวเดียวนั้นไม่มีระบบใดที่จะมีความปลอดภัย 100% ซึ่ง Libra เป็น Permissioned Blockchain เก็บข้อมูลไว้ในตัวกลางที่จำกัดเฉพาะหน่วยงานที่เข้าถึงที่แตกต่างจาก Blockchain เช่น Zcoin ที่เป็นแบบ Decentralized อย่างแท้จริงจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการจารกรรมทางข้อมูลได้มากกว่าข้อมูลที่ถูกขโมยอาจถูกใช้ทางที่ผิดหรือสร้างความเสียหาย เช่นในปี 2561 มีการรายงานว่าเกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคที่มูลค่าประมาณ 14.8 พันล้านดอลลาร์ จากเหตุการณ์หลอกลวงและการจารกรรมทางไซเบอร์
จะมีภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ
เมื่อข้อมูลที่ Libra มีนั้นสามารถระบุผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ นั่นแปลว่า มันกำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เพราะเมื่อข้อมูลนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกันมันอาจจะถูกใช้แม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้ยินยอมก็ตาม รัฐบาลทั่วโลกอาจจะต้องการข้อมูลเหล่านี้ เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้พวกเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซึ่งจะทำให้เขามีอำนาจอย่างที่ไม่เคยมาก่อนในเกมการเมือง
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นั้น Facebook ได้รับคำร้องกว่า 110,634 คำร้องในการขอเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งข้อมูลที่ Facebook มีขณะนี้ไม่เพียงพอที่จะสามารถระบุตัวตนผู้ใช้งานได้แต่ข้อมูลส่วนบุคคลจะสมบูรณ์เที่ยงตรงมากขึ้น เมื่อเชื่อมโยงกับ Libra ที่มีผู้ร่วมก่อตั้ง เช่น Paypal หรือ Visa ที่ Facebook จงใจเลือกเข้ามาร่วมในกลุ่ม Libra Association
และแน่นอนว่า การมีข้อมูลพฤติกรรมของประชากร Facebook กว่า 2 พันล้านผู้ใช้งานจะทำให้ Facebook มีอำนาจทางข้อมูลอย่างไม่เคยมีรัฐบาลที่ไหนในโลกเคยมีมาก่อน Facebook จะสามารถวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และเทรนด์ในการใช้ชีวิต ที่แน่นอนเสี่ยงต่อการชี้นำทางความคิดและนำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
ความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจเสรีและประชาธิปไตย
ปัจจุบัน Facebook ตั้งข้อกำหนดในการโฆษณา ตั้งค่าการเห็นคอนเทนต์บน News Feed และมีบริษัทจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกบล็อกโฆษณาโดยปราศจากเหตุผล ทำให้องค์กร พรรคการเมือง บุคคลสาธารณะที่ใช้เงินจำนวนมากในการโฆษณาผ่าน Facebook นั้นได้เปรียบกว่าธุรกิจขนาดเล็กด้วยข้อมูลจาก Libra จะทำให้แพลตฟอร์มการโฆษณาของ Facebook นั้นสามารถชี้เป้าที่เจาะจงได้ Libra จะมอบอำนาจให้กับ Facebook ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตย ทำให้ Facebook อาจจะได้รับอำนาจที่จะชี้นำความเข้าใจของคนทั้งโลก
แล้วเราจะรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไร?
ในขณะที่โลกเรามีกระแสต่อต้าน Cryptocurrency เป็นเวลาหลายปีจากผู้ใช้งานที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี Facebook อาจจะสามาร ทำให้ผู้คนทั่วโลกยอมรับ Libra ได้เพียงแม้ว่าผู้ใช้งานยอมให้ข้อมูลส่วนตัวแก่เขา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาลว่า จะทำให้ผู้คนรู้ถึงความเสี่ยงที่พวกเขากำลังเปิดเผยตัวตนผู้คนควรจะต้องได้รับการเรียนรู้เกี่ยวกับมาตรฐานในการปกป้องตัวเองในโลกออนไลน์ และถามตัวเองถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับกับ Libra เมื่อเทียบกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในการแบ่งปันข้อมูลกับ Facebook
โดย ปรมินทร์ อินโสม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด
Source: ฐานเศรษฐกิจ
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you