บาทแข็งทุบท่องเที่ยวทัวริสต์แห่รัดเข็มขัดททท.ลั่นครึ่งหลังฟื้น

"แอตต้า"เผยบาทแข็งป่วนกำลังซื้อทัวริสต์ ต่างชาติ ระวังใช้จ่าย หลังพบ 5 เดือนต่างชาติเที่ยวไทย โตต่ำ 1.58% เผยครึ่งปีหลังบริษัททัวร์ส่อขาดทุนกำไร แลกรักษาฐานลูกค้า "ทีเอชเอ"ประเมินปี 62 โต 5-8% แบบ หืดขึ้นคอ ขณะที่"ททท."กัดฟันคงเป้ารายได้ปีนี้ 3.46 ล้านล้าน

เชื่อครึ่งปีหลังดีขึ้น

สถานการณ์เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปีเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันต่ำกว่ากรอบ 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ และต่ำกว่ากรอบ 35 บาท ต่อ 1 ยูโร กดดันกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทย ส่งผลให้ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายยิ่งขึ้น และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจปรับแผนไปเที่ยวประเทศอื่น ที่ค่าเงินเป็นใจกว่าในครึ่งปีหลัง

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวว่า ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วได้ส่งผลกระทบต่อตลาดต่างชาติเที่ยวไทยในแง่ของ กำลังซื้อ ทั้งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมารวมถึงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากกลุ่มที่เดินทางเที่ยวไทยส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง ออกเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อปี และให้ความสำคัญ กับเรื่องราคาและค่าเงิน เมื่อค่าเงินบาทไทยแข็งค่ากว่าประเทศ อื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเลือกไปประเทศเพื่อนบ้านที่คุ้มค่าเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่าไทย เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์

"แม้การลดราคาสินค้าท่องเที่ยวจะไม่ใช่คำตอบสำหรับการทำตลาดในครึ่งปีหลังนี้ แต่ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ดูราคาของคู่แข่งให้ดี ไม่ให้ราคาแพ็คเกจทัวร์ของไทยแพงกว่าประเทศอื่นมากเกินไป อาจต้องยอมขาดทุนกำไรบ้างเพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ รวมถึง นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ดูแลนักท่องเที่ยว ให้ประทับใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกได้ ถึงความคุ้มค่า ไม่รู้สึกว่าแพงกับราคา ที่จ่ายไป แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าก็ตาม"

จี้ธปท.ดูแลค่าเงินบาท

ทั้งนี้ ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ต่ำกว่า ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ หากแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 30 บาทหรือต่ำกว่าถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเรื่องค่าเงินไม่ได้ส่งผลเฉพาะภาค ท่องเที่ยวและภาคส่งออกเท่านั้น แต่กระทบไปถึงภาคการเกษตรซึ่งถือเป็น 3 ขาสำคัญของเศรษฐกิจไทย

นายวิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปีนี้ พบว่า มีจำนวน 16,717,060 คน เติบโตเพียง 1.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วน รายได้ท่องเที่ยวจากตลาดต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ที่ 872,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.82% เท่านั้น มองว่าปัจจัยเงินบาทแข็งค่า น่าจะมีส่วนกดดันเช่นกัน ควบคู่ไปกับ ปัจจัยหลักเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอเติบโต รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของไทยยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการหดตัวในครึ่งหลังปี 2561 ประกอบกับ ฐานครึ่งแรกของปีที่แล้วมีการเติบโตดีมาก ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงติดลบ เล็กน้อย และดึงภาพรวมทั้งตลาดเติบโตเพียง 1-2% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมซึ่งคาดว่าจะเติบโต 5%

"มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยจะกลับมาเป็นบวก เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตลาดจีนหดตัวจากเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต หลังเห็นเที่ยวบินโดยเฉพาะเที่ยวบินเช่า เหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ทยอยขน นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง และทำให้สิ้นปี 2562 คาดมีชาวจีนเที่ยวไทย 11 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านคนของปีที่แล้ว หนุนภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เติบโตเป็น 40-40.5 ล้านคน เพิ่มจาก 38.5 ล้านคนของปีที่แล้ว"

"บาทแข็ง"ทัวริสต์รัดเข็มขัด

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าส่งผลต่อภาพรวม ท่องเที่ยวไทยในครึ่งปีแรกอยู่บ้าง เพราะกระทบต่อการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว ต่างชาติ ทำให้จำกัดการซื้อสินค้าได้น้อยลง และน่าจะส่งผลไปถึงครึ่งปีหลังเช่นกัน

"หากไม่มีเหตุการณ์ปัจจัยภายนอก เช่นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่รุนแรงไปมากกว่านี้ คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังภาค ท่องเที่ยวไทยจะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับครึ่งหลังปีที่แล้ว และทำให้ตลอดปี 2562 จะยังเห็นการเติบโตที่ระดับ 5-8% หากได้ตามนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว"

ททท.ระบุบาทแข็งกระทบสั้น

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เงินบาทปรับตัวแข็งค่ามากที่สุดประมาณ 5.57% เมื่อเทียบกับเงินยูโร รองลงมาคือเงินดอลลาร์สหรัฐ เยนญี่ปุ่น เซเกลอิสราเอล และรูเปี๊ยะอินโดนีเซีย แต่เงินบาทก็ไม่ใช่เงินสกุลเดียวที่แข็งค่า หากมีผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวมาไทย ย่อมกระทบการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

"เงินบาทแข็งค่าถือเป็นปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะสั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มระมัดระวังในการใช้จ่าย หรือลดเวลาพำนักลง ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อนของยุโรป ทำให้ชาวยุโรปเลือกเที่ยวระยะใกล้ เช่น ตุรกี ซึ่งขายสินค้า ท่องเที่ยวในราคาถูกมาก"

ส่วนในช่วงปลายปีนี้ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาล ท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) ของไทย มั่นใจว่าชาวยุโรปจะเดินทางมาเที่ยวไทยเหมือนเดิม โดยบางตลาด จำต้องปั๊มยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มให้ได้มากกว่า 10% เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น รัสเซีย อาจจะต้องใช้มาตรการด้านราคา ลดแลก แจกแถมเข้ามาช่วย รวมถึงตลาดสแกนดิเนเวียที่ต้องมุ่งชูเรื่องความจริงจังในการรักษา สิ่งแวดล้อมของไทย

ททท.กัดฟันคงเป้าท่องเที่ยว

"ขณะที่เป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวไทย ปี 2562 ยังคงยืนยันที่เป้าหมายเดิม 3.46 ล้านล้านบาท แม้จะเป็นปีที่ต้องเผชิญปัจจัยผันผวนมากมาย แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 2.28 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40-41 ล้านคน ส่วนอีก 1.18 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทย หลังจาก 6 เดือนแรกของปีนี้ ททท.คาดว่าจะมี นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ในภาวะทรงตัว จำนวน 19.9 ล้านคน ขยายตัวเพียง 2% สร้างรายได้เข้า ประเทศ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% แม้ครึ่งปีแรก จะขยายตัวได้ไม่มาก แต่ยังมีครึ่งปีหลังให้ เร่งเครื่องกระตุ้นตลาดกันต่อเพื่อผลักดัน รายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย"

Source: กรุงเทพธุรกิจ

เพิ่มเติม
- ส.อ.ท.เรียกร้องแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาท

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"