ในสมัยราชวงศ์ชิงของจีน ที่ปกครองโดยชาวเผ่าแมนจูที่ปกครองโดยซูสีไทเฮาลูกสาวนายทหารใหญ่ที่ปกครองประเทศแบบกดขี่ประชาชน และชักใยกษัตริย์วัยเยาว์อยู่เบื้องหลัง
จนทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความทุกข์ยากจากการขูดรีดและกดขี่ของพวกขุนนางกับเจ้าที่ดิน มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย รวมทั้งความยากแค้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยไม่สนใจราษฎรทัวไป ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น ที่มีความไม่พอใจการกดขี่เอาเปรียบจากเผ่าแมนจูอยู่ด้วย ทำให้หลายเมืองกระด้างกระเดื่อง
ความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับ นำไปสู่การก่อกบฏหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแม้ในที่สุด กบฏเหล่านั้นจะถูกปราบปรามโดยทางการจนราบคาบ แต่ก็ส่งผลให้รากฐานการปกครองของราชวงศ์ชิงต้องสั่นคลอน และการกบฏที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ชิงหรืออาจจะเป็นหนึ่งในการกบฏที่รุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์โลกในช่วงศตวรรษที่ 19 ก็คือ "กบฏไท่ผิง" ที่มีผู้เสียชีวิตมากมายระหว่าง 20 ถึง 70 ล้านคน บ้างก็ว่าเกือบ100 ล้านคนของทั้งสองฝ่าย
"กบฏไท่ผิง" นั้นดำเนินอยู่ระหว่างปี 1850 ถึง 1864, ที่เป็นการสู้รบระหว่างผู้ปกครองขุนนางอำนาตย์ ( ตอนนั้นกษัตริย์หรือจักรพรรดิ นั้นเป็นแค่หุ่นเชิดของขุนนางอำมาตย์ในวัง ) กับ "ขบวนการนักรบชาวคริสต์" ของอาณาจักรสันติภาพในสรวงสวรรค์" ที่นำการต่อต้านโดย "หง ซิ่วเฉฺวียน" อดีตบัณฑิตจีนตกยาก ผู้ถือกำเนิดที่อำเภอฮวาเซี่ยน มณฑลกว่างตง
ด้วยความที่อยากก้าวหน้า "หงซิ่วฉวน" ได้พยายามสอบเพื่อให้ได้เป็นบัณฑิตเพื่อจะได้มีสิทธิสอบเข้ารับราชการ แต่ก็ต้องผิดหวัง ทว่าเขาก็ไม่ท้อยังคงพยายามหาความรู้เพิ่มเติมและหาโอกาสเข้าสอบอีกหลายครั้ง
ครั้งหนึ่ง หงซิ่วฉวนได้พบกับ "บาทหลวงในศาสนาคริสต์" พร้อมกับสานุศิษย์ชาวจีนชื่อ เหลียงฟา ซึ่งเป็นผู้มอบคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลเป็นภาษาจีนให้หงซิ่วฉวน ทำให้เขาได้มีโอกาสศึกษาหลักศาสนาคริสต์จนเกิดความศรัทธาในพระเจ้าและปรารถนาให้สังคมเกิดความเสมอภาคกันเหมือนเช่นในคำสอนของศาสนาคริสต์ ( ตอนนั้นศาสนาคริสต์ แตกกันเอง ต้องแข่งกันเผยแพร่ศาสนา ระหว่างคาทอลิกกับ โปรเตสแตนท์ กันไปทั่วโลก เป็น "สงครามเย็นของศาสนาคริสต์" ) และพวกฝรั่งก็ต้องการเอาศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ในประเทศเป้าหมายที่ต้องการครองครอบเป็นอาณานิคม จึงเอาศาสนามาด้วย เพื่อทำให้ดินแดนเป้าหมายนั้น "แตกแยกทางความเชื่อและศาสนาจากภายใน" ที่เมื่อดินแดนแตกแยกสามัคคี ก็ง่ายต่อการยึดครองในที่สุด
"หง ซิ่วเฉฺวียน" สร้างลัทธิของเขาว่า "พระผู้เป็นเจ้าส่งเขาลงมาโลกมนุษย์พร้อมด้วยดาบเพื่อสังหารปีศาจร้าย คริสต์ศาสนาแต่เดิมเป็นคำสอนทางศาสนาของชาวจีน เคยแพร่หลายมาก่อนลัทธิขงจื๊อ อาณาจักรจีนเดิมเป็นที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า หากแต่ปัจจุบันพวกปีศาจร้ายเข้ามาครองครอง พระผู้เป็นเจ้ามีประกาศิตให้หง ซิ่วเฉฺวียนมาปราบปีศาจร้าย โดยจุดสำคัญคือเรื่องความเสมอภาค ภราดรภาพ ตามอุดมคติของคริสต์ศาสนา ซึ่งเป็นแนวความคิดใหม่ที่โดนใจทาสกสิกรที่ถูกศักดินากดขี่ขูดรีดอย่างทารุณ"
ค.ศ. 1844 หงซิ่วฉวนได้เดินทางไปเผยแพร่คำสอนที่มณฑลกว่างซี ซึ่งในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากชาวนา กรรมกรเผาถ่านและชนเผ่าแม้วที่ไม่พอใจทางการ เข้าร่วมเป็นสาวกนับร้อยคน ก่อนจะขยายเป็นสามพันคนในสามปี จากนั้นลัทธิบูชาพระเจ้าก็ได้สร้างรากฐานมั่นคงที่กว่างซีและมีสาวกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปี ค.ศ.1847 ก็เปลี่ยนเป็นพรรคบูชาพระเจ้าโดยมีหงซิ่วฉวนเป็นประมุข
จากนั้นแนวร่วมก็มีมากขึ้น จนใน เดือน มีนาคม ปีค.ศ.1853 กองทัพไท่ผิงยึดเมืองหนานจิง (นานกิง) ได้สำเร็จและสถาปนาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไท่ผิงเทียนกว๋อ โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "เทียนจิง" (ราชธานีแห่งสวรรค์) ซึ่งนับจากนั้น ไท่ผิงเทียนกว๋อก็ครอบครองดินแดนทางใต้ของจีนเกือบทั้งหมด คิดเป็นพื้นที่หนึ่งในสามของประเทศจีน สั่นคลอนอำนาจรัฐของราชวงศ์ชิงอย่างรุนแรง
ทางการจีนที่ตอนนั้นมีทหารไม่พอเพียง จึงต้องขอรับการช่วงเหลือจากทหารต่างชาติ เช่น "อังกฤษ" และ "ฝรั่งเศส" มาช่วยเหลือปราบกบฏ ( เข้าทางพวกมหาอำนาจเลย ยุแยงให้ทะเลาะและฆ่ากันเองจนพินาท แล้วค่อยเด็ดหัวง่ายๆทีหลัง ) จากสงครามครั้งนั้น มีคนตายมากมายเป็นประวัติการณ์ หลายสิบล้านคน ราชวงศ์ชิงที่ปกครองโดยชาวแมนจู ก็ยิ่งอ่อนแอ ยังไม่นับ รอยร้าวทางเชื้อชาติที่ชาวฮั่น ที่เป็นจนกลุ่มใหญ่ไม่พอใจต้องถูกกดขี่ จากชาวแมนจู อยู่แล้ว และตอนนั้นประชาชนก็ "ติดฝิ่น" จากการถูกบังคับให้ขายฝิ่นโดยเสรีจาก "อังกฤษ" ที่วางยาระยะยาวไว้ก่อนแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อน ทำให้จีนตอนนั้นไม่พร้อมที่จะทำสงครามกับประเทศใดๆ
สร้างให้เกิด "สงครามภายใน" คือกลเกมของพวกเขายุแยงหรือส่งเสริมให้ประเทศหรือดินแดนเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปครอบครองทำสงครามฆ่ากันเอง โดยอาศัยชนวนหรือเชื้อเก่าในนั้นแล้วมาสุมฟืน ราดน้ำมันเข้าไป ให้หนักกว่าเดิม แล้วก็ทำเป็นคนดี ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่จริงๆเพื่อต้องการให้ฆ่ากันเองภายใน จน "อ่อนแอจากภายใน" อย่างเต็มที่ แล้วสุดท้ายเด็ดหัวเอาง่ายๆ ยึดเป็นอาณานิคมได้ในที่สุด
หลังจากนั้นแม้ว่า "กบฏไท่ผิง" จะพ่ายแพ้เพราะผู้นำหลงระหลงและแตกแยกกันเองในปี 1864 แต่ก็ทำให้กองทัพของราชวงศ์ชิงแตกแยก ชิงดีชิงเด่นกัน ส่วนกลางไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นหนึ่งเดียวปึกแผ่นได้ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของราชวงศ์ชิงในเวลาต่อมา
โดย "ฝรั่งเศส" ก่อนหน้านั้นแอบมองหมายตาอยากได้ดินแดน "ตังเกี๋ย" ของจีน หรือ เวียตนามเหนือในปัจจุบัน มานานแล้ว ตั้งแต่ คริตส์ศตวรรษที่ 18 โดยตอนนั้น บากหลวงคาทอลิค Pigneau de Behaine ( บาทหลวงปลอมหรือเปล่าไม่รู้ อาจจะเป็นสายลับ ) ได้เกณท์อาสาสมัครชาวฝรั่งเศสให้ออกมาต่อสู้ร่วมกับขุนนางชาวเวียตนาม ต่อสู้กับจีนและส่งเสริมให้ก่อตั้งเป็น "ราชวงศ์เหงียน" ( คนเวียตนามกลุ่มนี้แต่เดิมเป็นแค่ขุนนางอำมาตย์ที่จีนมอบหมายมาให้ปกครองแทนตัว ที่มักใหญ่ใฝ่สูง อยากยืมเอาอำนาจของฝรั่งเศสมาเพื่อจะขับไล่จีนที่กำลังอ่อนแอออกไป และดีดยกตัวขึ้นเป็นใหญ่และปกครองดินแดนเวียตนาม เป็นเจ้าของทรัพยากรเอง ) โดยเริ่มขบวนการในปี 1858 ช่วงที่ราชวงศ์ชิงของจีน กำลังทำสงครามกับ "กบฏไท่ผิง" พอดี ( เลือกเอาตอนที่จีนมีปัญหาภายใน ที่พวกเขาเอง วางยาทางศาสนามานานแล้ว )
โดยเป้าหมายของ "ฝรั่งเศส" นั้นต้องการยึดเมืองท่าการค้าทางทะเลให้ได้ตลอดแนวตะวันตกของจน แข่งขันถ่วงดุลอำนาจกับ "อังกฤษ" ที่ครอบครองเมืองท่าทางทะเลมากมายตั้งแต่พม่าจนยาวมาถึงปีนัง และสิงคโปร์ ฝรังเศสนั้นต้องการสร้างเส้นทางการค้า ที่เชื่อมจากจีนตอนใต้ มาออกทะเลทางตะวันออกให้ได้
หลังจากนั้น ยามที่จีนอ่อนแอ ในปี 1882 "ฝรั่งเศส" ก็เริ่มส่งทหารมายึดครองดินแดนตังเกี๋ย จนทำให้จีนต้องส่งทหารเข้ามาต่อสู้เพื่อรักษาดินแดนอาณานิคมเอาไว้ จนกลายเป็นสงครามระหว่าง "จีนและฝรั่งเศส" ในที่สุด ฝรั่งเศสได้ส่งกองทัพเรือขนาดใหญ่ยาทตรามาเต็มที่หวังจะเอาดินแดนนี้เป็นอาณานิคมให้ได้
แม้ทางจีนที่ตอนนั้นอ่อนแอสุดขีดพยายามที่จะจ้างทหารและที่ปรึกษาตะวันตก อย่าง อังกฤษ เยอรมัน และ อเมริกา มาช่วยรบกับฝรั่งเศส ( คงเล่นตามเกม ตามมารยาท ใจจริงอยากให้จีนแตกเร็วๆ จะได้แบ่งเค้กกันไวไว ) แต่สุดท้ายในปี 1885 "จีน" ก็พ่ายแพ้แก่ "ฝรั่งเศส" ไปและเป็นจุดเริ่มต้นของการยึดครองอาณานิคม เวียตนามและอินโดจีนฝรั่งเศส จนยาวมาถึง ลาว จากสยามไปในที่สุด
จะเห็นว่า "การใช้ศาสนาทำให้แตกแยกจากภายใน" วางยาไว้หลายสิบปีก่อน ( "ทำมะกลาย" ก็เป็นแบบเดียวกัน ) เป็นกลเกมของประเทศมหาอำนาจมาแต่โบราณ เพื่อทำให้เกิดความขัดแยกทางความเชื่อ ที่จะนำซึ่งความแตกแยกในสังคม และขยายวงเป็น "สงครามกลางเมือง" ในที่สุด และเมื่อสงครามกลางเมืองนั้นย่อยยับเป็นซากอิฐหักผุยผงแล้ว พวกเขาก็จะเข้ามายึดครองได้ง่ายๆต่อไป
ดังนั้นถ้าเราเห็นสังคมเรามีนิกายทางศาสนาใหม่ๆ เช่นอาจจะอ้างว่าเป็นแนวคิดแบบกินเพื่อบุญสุขภาพเหมือนพุทธมหายาน ( หรือ อิสลามมัสหับแปลกๆ ) แต่กลับมีคำสอนแปลกๆเรื่องการยกเอาคำตามคัมภีร์ศาสนาอื่นมาสอน อาจจะแปลว่า มันคือการกำลังทำให้เกิดแนวคิดใหม่ กำลัง "สร้างรอยร้าว" ในสังคมเพื่อแผนการณ์ระยะยาวของเขาอยู่ก็ได้
http://www.thaichinese.net/History/history-modern3.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Taiping_Rebellion
https://en.wikipedia.org/wiki/Sino-French_War
https://en.wikipedia.org/wiki/Hong_Xiuquan
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
รัน EA กำไร 16 เท่าภายใน 3 ปีฟรี!! คลิก