การเมืองเรื่องใหญ่ ฉุดซัมมิตไปไม่ถึงฝัน

ปิดฉากลงไปแล้วอย่างเซอร์ไพรส์สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ที่ออกมาแบบ "โนดีล" หรือไม่มีการบรรลุ ข้อตกลงใดๆ ร่วมกันเลย

จนทำเอาสื่อหลายสำนักทั่วโลกพร้อมใจกันพาดหัวว่าเป็นความ "ล้มเหลว"แต่กระนั้น นักวิเคราะห์อีกจำนวนไม่น้อยก็คาดการณ์ได้ถูกต้องว่า การเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จทางเศรษฐกิจที่เราเห็นกันกับโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง "เวียดนามโมเดล" มาเป็นแรงจูงใจให้เกาหลีเหนือทิ้งโครงการนิวเคลียร์ก่อนได้ เพราะความสำคัญอันดับ 1 ของเกาหลีเหนือคือ "ความมั่นคง" และการอยู่รอด ต่อไปของ "ระบอบตระกูลคิม"ก่อนจะฝันไปไกลถึงการพัฒนาประเทศแบบเวียดนาม ที่ได้ทั้งเงิน และได้ทั้งระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ สุดท้ายทั้งสหรัฐและเกาหลีเหนือต้องกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่ศูนย์ใหม่อีกครั้ง กับประเด็นเรื่องความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเป็นฝ่าย "เริ่มผ่อนปรนให้ก่อน”

ฝ่ายเกาหลีเหนือต้องการให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือทั้งหมดก่อน แล้วจึงจะนำไปสู่การยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ต่อไป แต่ฝ่ายสหรัฐต้องการเห็นการเลิกโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรมเสียก่อน เช่น ยกเลิกคอมเพล็กซ์โครงการนิวเคลียร์ที่ ยองบยอน ทางตอนเหนือของกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แห่งแรกในเกาหลีเหนือนิยามความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องการปลดนิวเคลียร์ (Denuclearization)

คือประเด็นสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายยังจูนเข้าหากันไม่ได้ แต่ที่กลายมาเป็นการจบแบบโนดีลนั้นยังเป็นเพราะนี่คือการเจรจาสไตล์โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเลือกที่จะ "วอล์กเอาต์" ออกจากการประชุมมากกว่าจะยอมประนีประนอม ซึ่งก็เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับผู้นำสภาคองเกรสเรื่องกำแพงเม็กซิโก จนนำไปสู่ภาวะชัตดาวน์ตามมา

แน่นอนว่าการวอล์กเอาต์จบการเจรจาเร็วกว่ากำหนด ไม่มีการลงนามข้อตกลงกัน และไม่มีแม้แต่ความเป็นไปได้ที่จะจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ตามมาในเร็วๆ นี้ สร้างความผิดหวังให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ในมุมนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแล้ว บางทีการเสียหน้าเล็กน้อยแค่นี้อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า หากทรัมป์ยอมเลิกมาตรการคว่ำบาตรให้ตามที่คิมเรียกร้อง โดยยอมรับเงื่อนไขเพียงแค่การทำลายศูนย์วิจัยและทดลองนิวเคลียร์ ยองบยอน เท่านั้น ก็อาจถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณยุทธศาสตร์ประเทศที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยบรรดาเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องของสหรัฐต่างยืนยันมาตลอดว่า มาตรการแซงก์ชั่นคือไพ่ตายหลักของสหรัฐที่จำเป็นต่อเป้าหมายการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี

เดวิด คิม นักวิเคราะห์จากศูนย์ สติมสัน ให้มุมมองกับเอเอฟพีว่า การไม่ได้ดีลครั้งนี้ไม่ใช่ความล้มเหลว หากมองความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับคิมเป็นเหมือน "ซีรี่ส์เกาหลี" นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของนิยายรัก เรื่องยาว ที่ต้องติดตามดูกันต่อไปอีกหลายตอนเท่านั้น แม้จะมีตอนที่ บีบหัวใจหรือชวนน่าผิดหวัง แต่สายสัมพันธ์ของคู่รักคู่นี้ก็ยังไม่ขาดง่ายๆ และจะต่อเนื่องไปจนถึงตอนจบ ตราบใดที่ทั้งคู่ยังคงยืนยันว่าจะคงความสัมพันธ์กันต่อไป

นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่อธิบายได้จากผลลัพธ์ของการประชุมรอบนี้ที่ทรัมป์ยืนยันระหว่างการแถลงข่าวว่า ความสัมพันธ์กับคิมจองอึนยังเป็นไปด้วยดี และมีการไฟเขียวให้สามารถตั้งศูนย์ประสานงานของสหรัฐในกรุงเปียงยางได้ แม้ว่าจะไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะมีซัมมิตรอบ 3 เกิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อไรก็ตาม

สตีฟ โอคุน ที่ปรึกษาอาวุโสจากบริษัทกฎหมายแม็คลาร์ตี แอสโซซิเอทส์ ระบุกับซีเอ็นบีซีว่า การถอยกลับของสหรัฐครั้งนี้ทำให้ไม่ต่างอะไรกับยุคประธานาธิบดี บารัก โอบามา บิล คลินตัน และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่สหรัฐยังสงวนท่าทีต่อการรับมือปัญหาเกาหลีเหนือ โดยไม่ยอมอ่อนข้อให้มากเกินไป

นั่นหมายความว่า การปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเป็นสไตล์ทรัมป์แบบใจถึงพึ่งได้ ที่เน้นการออกโรงด้วย ตัวเองของเบอร์ 1 สร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างกัน และพยายามโน้มน้าวด้วยสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างความสำเร็จของเวียดนามโมเดล ก็ยังไม่เพียงพอ ตราบใดที่สหรัฐยังไม่สามารถรับมือกับจุดยืนหลักของเกาหลีเหนือ ที่ต้องการความมั่นใจและการรับประกันเรื่องความมั่นคงของตนเองมาก่อนเหนือทุกสิ่ง

จุดนี้ตรงกับที่ อังเดร แลนคอฟ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านเกาหลีและอาจารย์มหาวิทยาลัยกุ๊กมิน เคยให้มุมมองกับซีเอ็นเอ็นเอาไว้ว่า คิมกับ ก๊วนที่ปรึกษาไม่ใช่พวกหลังเขาที่ไม่รู้จักไม่เคยเห็นความรุ่งเรืองของเวียดนามหรือประเทศอื่น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมั่นคงและระบอบคิม ไม่ใช่เงินและจีดีพี

ดังนั้น ตราบใดที่สหรัฐยังไม่สามารถหาทางดีลกับประเด็นนี้ได้ การเจรจาระหว่างผู้นำเบอร์ 1 แบบตัวต่อตัวก็อาจจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากการหารือระดับเจ้าหน้าที่ หรือการประชุม 6 ฝ่ายในยุคที่ผ่านมา

หากไม่หวังสูงเกินไป สิ่งที่ดีที่สุด ที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ก็คือ การที่ทั้งสองฝ่ายไม่กลับไปมีท่าทีแข็งกร้าวเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอีกครั้ง โดยที่เกาหลีเหนือรับปากว่าจะไม่ทดสอบขีปนาวุธให้คาบสมุทรเกาหลีและเอเชียตะวันออกกลับมาตึงเครียดอีก แม้ว่าหนทางของการปลดนิวเคลียร์อาจยิ่งห่างจากความเป็นจริงออกไป และอาจจะไม่สำเร็จภายในรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลหน้าก็ตาม

โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ
Source: Posttoday

เพิ่มเติม
- How Trump and Kim's summit dream fell apart:

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"