ย้ำกันมาหลายครั้งกับการทำการบ้านก่อนลงทุนเนอะ หลายคนอาจจะงงๆ ว่า เอ แล้วเวลาที่เราจะเลือกหุ้นซักตัว มันมีการบ้านอะไรบ้างที่เราต้องทำก่อนการตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ??
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่าวิธีเลือกหุ้นสไตล์นี้ เป็นสไตล์ถือไปยาวๆ ไม่ใช่สไตล์การเก็งกำไร ถ้าคุณจะเก็งกำไร ให้ไปดูกราฟอะไรแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องมานั่งทำการบ้านคัดเลือกหุ้นให้เหน็ดเหนื่อยเหมือนกับแนวชอบถือยาว เข้าใจตรงกันเนอะ
.
โอเค มาเข้าเรื่อง จะเลือกหุ้นยุค 4.0 ข้อแรก ไปค้นหาเรื่องราวของผู้บริษัทของบริษัทที่เราสนใจมาศึกษาดู ว่าคนๆ นี้เขามีแนวคิดยังไง ต้องการจะพาองค์กรไปในทิศทางไหน วิสัยทัศน์เป็นอย่างไร แล้วเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้หรือเปล่า เป็นต้น การได้ศึกษาแนวคิดและได้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้นำ จะทำให้เรารู้ว่าทิศทางบริษัทจะไปในทางไหน แล้วเราค่อยมาตัดสินใจว่า ทิศทางที่บริษัทจะไปนั้น เป็นการไปสวรรค์หรือไปนรก หากไปสวรรค์ เราก็ไปกับเขา แต่ถ้าไปนรก เราก็โบกมือบ๊ายบาย ทางใครทางมันกันไป
.
ข้อสอง ศึกษาสิ่งที่ผู้นำองค์กรคิดเสร็จ เราก็มาดูว่า แล้วตัวบริษัทล่ะ ดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไร มีการลงทุนในจุดไหนเพิ่มเติม และทั้งหมดที่ทำนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้นำองค์กรเขาคุยโม้เอาไว้หรือเปล่า ถ้าทั้งหมดสอดคล้องกัน แปลว่าบริษัทนี้ใช้ได้ พูดจริงทำจริง และมีความต้องการที่จะเติบโตจริงๆ แต่ถ้าผู้นำพูดอย่าง แต่พฤติกรรมบริษัทไปอีกอย่าง อันนี้เริ่มมีปัญหา แปลว่าโม้เป็นอย่างเดียวแต่ทำไม่เป็น ถ้าทำไม่เป็นแล้วองค์กรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร ถ้าเป็นประการหลัง เราก็โบกมือบ๊ายบายอีกเช่นกัน
.
ต่อมา ข้อสาม ดูงบการเงินแบบคร่าวๆ ดูอะไรบ้าง ดูว่ามีผลกำไรหรือไม่ ผลกำไรเติบโตไหม หนี้พอกพูนขึ้นมาเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของหนี้สินนั้นมีความสำคัญมาก ที่สำคัญไม่ใช่เป็นเพราะมีหนี้มากแล้วมีความเสี่ยงมาก แต่มันสำคัญที่ เมื่อมีหนี้เกิดขึ้น บริษัทนำเงินที่ได้จากการก่อหนี้เอาไปใช้ทำอะไร ถ้าก่อหนี้แล้วสามารถสร้างผลกำไรที่มากกว่าค่าใช้จ่ายทางการเงินได้ บริษัทนั้นก็มีโอกาสที่จะเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดเพราะสามารถนำเงินคนอื่นมาบริหารสร้างผลกำไรบริษัทได้ ในทางตรงข้าม หากบริษัทก่อหนี้ แต่กลับไม่สามารถใช้หนี้นั้นสร้างมูลค่าเพิ่มใดๆ ได้ เช่น กู้เงินเพิ่ม แต่ไม่มีการนำไปลงทุนใดๆ ที่เป็นของจริง หรือนำไปลงทุน แต่กลับลงทุนในทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัท ในเคสนี้ก็โบกมือบ๊ายบายเช่นกัน อ้อ แล้วอย่าลืมตรวจดูสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทผ่านงบกระแสเงินสดด้วย ว่าบริษัทมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดหรือไม่ ถ้าบริษัทมีปัญหากระแสเงินสด และไม่สามารถหาใครมาช่วยเหลือเรื่องกระแสเงินสดได้ โอกาสที่บริษัทจะมีการผิดนัดชำระหนี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เช่นกัน
.
ดูจบสามข้อนี้แล้ว เราก็พอจะมีไอเดียที่จะคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนได้แล้ว ที่สำคัญในฐานะนักลงทุนต้องติดตามความเป็นไปของบริษัทอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวของบริษัทว่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง หากบริษัทบริหารงานได้ดี เราก็ถือหุ้นบริษัทนั้นต่อไปได้เรื่อยๆ แต่หากบริษัทมีการบริหารงานที่เปลี่ยนไป เช่นเปลี่ยนผู้บริหาร นโยบายเปลี่ยนเป็นมีทิศทางที่เราพิจารณาแล้วว่าไม่เป็นผลดีต่อบริษัท เราก็สามารถโบกมือบ๊ายบายได้อย่างทันท่วงที
.
สุดท้าย ขอทิ้งท้ายว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนบนยุค 4.0 นั้น คือการสร้างความสามารถที่จะทำนายอนาคตได้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน ซึ่งการทำนายไม่ใช่การนั่งเทียน แต่เป็นการสำรวจดูการลงทุนของบริษัทใหญ่ สำรวจดูธุรกิจเกิดใหม่ในปัจจุบันว่าเขาทำอะไรกันอยู่ และสำรวจดูเทคโนโลยีว่ามันก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว การสำรวจเรื่องราวเหล่านี้ จะทำให้เราเริ่มเห็นบริษัทที่จะเติบโตในอนาคต และเห็นบริษัทที่จะล้มหายตายจากไปในวันข้างหน้า ดังนั้น เหล่านักลงทุนอย่าลืมให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกนี้ครั้งใหญ่นะคะ เพราะมันจะกระทบกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน
.
Mei
Cr.DinoTech5.0
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/