ผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอย่างต่อเนื่องนั้นมีผลกระทบอย่างมากหลายวงการ และเป็นดาบสองคม ไม่แค่ตลาดหุ้นที่ขาดเงินจนราคาและมูลค่าการซื้อขายตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แต่กระทบต่อ “ตลาดบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด” ด้วยเช่นกัน
... ถึงเดือนตุลาคมปี 2018 นี้ นับจากปีที่แล้ว การขายบ้านอสังหาริมทรัพย์ของ “อเมริกา” ลดลงกว่าร้อยละ 4.1 เป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี คือย้อนไปจนถึงเดือน พฤศจิกายน ปี 2015 แสดงว่าวิกฤติการขายบ้านไม่ออกครั้งนี้ และนำไปสู่การคาดการณ์ว่าฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ของอเมริกา ถ้าไม่สมดุลอาจจะแตกภายในปีนี้ หรือ ปี 2019 หน้านี้
... แม้ปัจจัยหลักของการซื้อขายบ้านคอนโดตกลงมากนั้นมาจาก “การขึ้นดอกเบี้ย” ของเฟด เพราะคนไม่กล้ากู้เงินธนาคารที่ดอกเบี้ยสินเชื่อซื้อบ้านก็แพงขึ้นตามเฟดแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุด้วยเช่นกัน เช่น "น้ำมันแพงขึ้น" ( จากการที่อเมริกาเล่นเกมสร้างสงครามปั่นราคาน้ำมัน เอาใจบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ) แต่ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในการลงทุน ทำให้ต้นทุนการสร้างบ้าน คอนโด แพงขึ้น ทำให้การผลิตก็แพงขึ้น เจ้าของโครงการก็จะชดเชยเพิ่มราคาบ้านแพงขึ้นอีก ยิ่งไปซ้ำเติมผู้บริโภคที่ต้องกู้เงินดอกเบี้ยแพงๆ ยิ่งทำให้บ้านขายยากขึ้น , น้้ำมันแพงกับดอกเบี้ยสูงก็ยิ่งทำให้ค่าครองชีพแพงขึ้น คนใช้จ่ายน้อยลง
... จากตลาดหุ้นตกต่ำ เพราะ "การขึ้นดอกเบี้ย" และตลาดหุ้นที่ตกลงเงินเข้าตลาดน้อย ผันผวน คนยิ่งไม่กล้าซื้อบ้าน นักลงทุนก็ไม่กล้าสร้างโครงการใหม่ๆเพิ่ม , ค่าแรงที่เขยิบขึ้นเล็กน้อยไม่สอดคล้องกับราคาบ้านที่สูงขึ้นมาก ( ปั่นราคาสูงช่วงแรก น้ำมันแพง ดอกเบี้ยสูงช่วงหลัง ) และเมื่อการผลิตน้อยลง “การจ้างงาน” ก็จะน้อยลงในอนาคตอันใกล้ คนอเมริกันจะว่างงานมากขึ้น ก็ยิ่งจะทำให้ค่าจ้างตกลง คนจะใช้จ่ายน้อยลง ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็จะแพงตามดอกเบี้ย เศรษฐกิจโดยรวมจะตกต่ำลง หดตัว เงินไหลเวียนในระบบน้อยลง
... นักวิเคราะห์บางสายบอกว่าการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ดีแล้ว เพราะเป็นการสกัดเงินทุนไม่ให้ไหลเข้ามาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มากเกินไป ชะลอการสร้างโครงการใหม่ๆ สกัดฟองสบู่แต่เนิ่นๆ
... ตอนนี้อยู่ที่อเมริกาจะจัดการตลาดตอนนี้อย่างไร ให้สมดุล เพราะอาจจะฟองสบู่แตกได้ทั้งสองทาง คือแม้จะสกัดการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มโดยการขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว แต่บ้านคอนโดที่สร้างเสร็จไปแล้วก็ยิ่งขายยากไปอีก การที่ “ดอกเบี้ยแพงที่เป็นดาบสองคม” บ้านก็แพงขึ้น จะยิ่งขายไม่ออก นักลงทุนก็ไม่มีเงินมาจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จ่ายเงินกู้กับธนาคารก็จะฟองสบู่แตกได้อีกเช่นกัน ในบริบทที่เศรษฐกิจตกต่ำ ขาดเงินไหลเวียนแบบนี้ อเมริกามีปัญหาหนี้สินมากมาย การจะเอาเงินภาษีประชาชนมาอุ้มนายธนาคารที่ปล่อยกู้แบบเดิมในปี 2008 ก็จะยากยิ่งขึ้น จึงมีการคาดว่าอาจจะเกิดวิกฤติฟองสบู่ของอสังหาในอเมริกาในปี 2018 หรือ 2019 นี้
.
… 12 Reasons for a Housing Crash
1. excessively high home prices form a price bubble
2. sudden underwater mortgages and subprime lending
3. Fed raises interest rates too persistently and high leading to failure of banks and finance companies (loan forfeits) and discouraging people from buying homes (unsold inventory piles up)
4. slowing economy and sudden rises in unemployment raise panic levels
5. wage growth not keeping up with home prices
6. geopolitical shifts – global slowdown
7. trade deals fail out of control
8. stock market bubble and volatility
9. level of consumer debt, student loans, rising credit card rates
10. inflation and cost of living rises
11. risky low rate mortgages for new home buyers
12. high oil and energy prices
Some believe the Fed causes burst bubbles and by raising interest rates they ensure the business cycle comes to an end and stock markets and housing markets will crash. Who can prevent this from happening this time?
Cr.Jeerachart Jongsomchai
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/